แผนการเดินทางในออสเตรเลีย – เส้นทางยอดนิยม
พบกับสัตว์พื้นเมืองแสนน่ารักอย่างหมีโคอาลา ตุ่นปากเป็ดและจิงโจ้ อีกทั้งความงดงามของธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ อาทิ เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) และโขดหินอุลูรู (Uluru/Ayer’s Rock) ตะลึงไปกับซิดนีย์โอเปร่าเฮ้าส์อันเป็นสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม และวิถีทางศิลปะและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ออสเตรเลียยังมีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่รอให้คุณมาสำรวจ เพียงเท่านี้ก็มากพอที่ดึงคุณให้กลับมาเยือนครั้งแล้วครั้งเล่า เรามีแผนการเดินทางยอดนิยมบางส่วนในออสเตรเลียเพื่อช่วยให้คุณวางแผนตะลุยแดนจิงโจ้ได้อย่างเต็มที่ ขอเชิญไปเพลิดเพลินกับสีสันของเมืองและตระเวนตามร้านกาแฟ ก่อนที่จะออกเดินเที่ยวป่า ณ อุทยานแห่งชาติสักแห่งใกล้ๆ หรือสลับไปเที่ยวตามชายหาดต่างๆ
ลองดูเส้นทางยอดนิยมเหล่านี้และรายละเอียดเพิ่มเติมที่ด้านล่างของแผนที่ คุณอาจจะคิดว่าเราลำเอียงไปสักหน่อยที่เน้นแต่พื้นที่ชายฝั่งตะวันตกที่มีชายหาดที่สวยงามกระจายตัวอยู่ แต่ออสเตรเลียเป็นดินแดนแสนกว้างใหญ่ แค่เฉพาะชายฝั่งด้านนี้ก็มีสิ่งต่างๆ ให้ดูมากมาย และมีสิ่งที่ทำให้คุณอิ่มเอมหัวใจได้อย่างบาร์บีคิวกุ้ง หรือบางที เพียงแค่อาบไล้ผิวด้วยแสงแดดเพื่อบ่มผิวให้แทนสวยก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยแล้ว
เมื่อคุณพร้อมแล้วก็มาเริ่มจองการเดินทางกัน ตรวจดูราคาเที่ยวบินล่าสุดและโรงแรมที่เหล่านักเดินทางนิยมเข้าพัก แล้วจองทริปเที่ยวออสเตรเลียในฝันได้ตามใจคุณ ไม่ต้องเที่ยวตามแบบใคร! เที่ยวสำรวจในแต่ละเมืองได้นานเท่าที่ต้องการ ลัดฟ้าสู่จุดหมายดั่งใจปรารถนา เลือกพักเฉพาะในโรงแรมตามงบประมาณของคุณ บนทำเลที่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณสนใจมากที่สุด ออกเดินทางกันเลย!
แกรนด์ทัวร์
แกรนด์ทัวร์ – 29 วัน – แผนการเดินทางในออสเตรเลีย
สำหรับผู้เดินทางที่พร้อมสัมผัสทุกสีสันแห่งออสเตรเลีย เส้นทางนี้จะพาคุณท่องผ่านสถานเที่ยวหลักๆ ทั้งหมดในแดนจิงโจ้! แผนการเดินทางในออสเตรเลียนี้มีการผสมผสานทั้งพื้นที่ในเมืองและธรรมชาติไว้อย่างลงตัว เพื่อให้คุณได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่เปิดโลกทัศน์ให้กว้างไกลยิ่งขึ้น คุณจึงควรเตรียมเวลาไว้ทั้งเดือนสำหรับการผจญภัยครั้งใหญ่ในออสเตรเลีย เพื่อออกสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่มากมายและครอบคลุมระยะทางอันยาวไกล!
บินจากกรุงเทพฯ (BKK) ไปสนามบินแคนส์ (CNS)
[package_deals title=’ดีลแนะนำ กรุงเทพฯ-แคนส์’ deals=’packages,flights,hotels’ origin=’BKK’ destination=’CNS’ dest_region=’889′ ]
1) เมืองแคนส์ (Cairns) – 3 วัน
ออกเดินทางจากไทยและบินตรงสู่เมืองแคนส์ เริ่มออกเดินทางเพื่อสัมผัสความงดงามอันน่าตื่นตะลึงของเกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) ที่แห่งนี้โด่งดังในฐานะสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถมองเห็นได้จากอวกาศ! คุณสามารถตื่นตาตื่นใจไปกับความตระการตาที่ธรรมชาติเสกสรรไว้ให้ได้หลายวิธี เช่น การดำน้ำลึก การดำน้ำตื้น การนั่งเฮลิคอปเตอร์เพื่อชมภาพมุมสูง และการล่องเรือท้องกระจก คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับแสงแดดและท้องทะเลได้ต่อในวันถัดไป
สำหรับผู้ชื่นชอบการผจญภัย ลองออกไปล่องแก่ง เล่นบันจี้จัมพ์ หรือกระโดดร่มเพื่อกระตุ้นอะดรีนาลีนให้สูบฉีดดูสิ! การไปเยือนที่ราบสูงอาเทอร์ตัน (Atherton Tablelands) และน้ำตกในบริเวณแบบไปเช้าเย็นกลับก็เป็นอีกทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับเวลาของคุณ มีน้ำตกอยู่มากมายให้ได้ชื่นชมความงาม แต่ละแห่งล้วนงดงามเกินบรรยาย แทบจะบอกไม่ได้เลยว่าที่ไหนสวยกว่ากัน
หากคุณอยากเดินป่า ขอแนะนำให้ไปท่องเที่ยวป่าฝนเดนทรี (Daintree Rainforest) ที่ได้ชื่อว่าเป็นป่าฝนที่เก่าแก่ที่สุดของโลก มีอายุประมาณ 180 ล้านปี
ขับรถจากเมืองแคนส์ไปชายฝั่งแคสโซแวรี
2) ชายฝั่งแคสโซแวรี (Cassowary Coast) – 1 วัน
กลับมาที่รถของคุณแล้วขับรถสักหนึ่งชั่วโมงไปทางตอนใต้ของเมืองแคนส์ที่บริเวณตอนล่างของชายฝั่งแคสโซแวรี แวะที่มิชชั่น บีช (Mission Beach) เมืองชายหาดเล็กๆ ที่สวยงามและเงียบสงบที่มีหมู่บ้าน 4 แห่งและมีภัตตาคาร ร้านอาหารเล็กๆ และบาร์ตั้งอยู่ประปราย ใช้เวลายามบ่ายอยู่ที่นี่ท่ามกลางธรรมชาติที่โอบล้อม แล้วไปเยือนทางเดินเหนือยอดไม้ป่าฝน Mamu Tropical Skywalk และออกไปท่องอุทยานแห่งชาติวูรูนูรัน (Wooroonooran National Park) ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นป่าฝนมรดกโลก อีกสถานที่หนึ่งที่ต้องมาเยือนคืออุทยานพาโรเนลลา (Paronella Park) ที่สร้างโดย José Paronella บนพื้นที่กว่า 50,000 ตารางเมตร ข้างๆ น้ำตกเมนาครีก (Mena Creek Falls) พื้นที่ปราสาทที่ได้รับรางวัลของเขาตั้งอยู่ท่ามกลางป่าที่ประกอบด้วยพืชพันธุ์และต้นไม้เขตร้อนถึง 7,500 ต้น นับเป็นสถานที่น่าประทับใจที่คุณต้องมาเห็นด้วยตาตนเอง
ขับรถจากชายฝั่งแคสโซแวรีไปทาวน์สวิลล์
นั่งเรือเฟอร์รีไปเกาะแม็กเนติก
3) ทาวน์สวิลล์และเกาะแม็กเนติก (Townsville and Magnetic Island) – 2 วัน
ขับรถลงใต้ไปตามชายฝั่ง และดื่มด่ำกับทัศนียภาพของท้องทะเลอันงดงาม ประมาณ 3 ชั่วโมงหลังจากนั้น คุณจะเดินทางถึงทาวน์สวิลล์ เมืองริมทะเลที่เงียบสงบอีกแห่งหนึ่ง ในอดีตทาวน์สวิลล์เคยเป็นที่ตั้งฐานทัพทหารอากาศ แต่ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงและกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ขอเชิญสำรวจเกาะแห่งนี้ ซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นอุทยานแห่งชาติและยังมีเส้นทางเดินเที่ยวเป็นระยะทางหลายไมล์สำหรับผู้ชื่นชอบการเดินทางไกล กิจกรรมการดำน้ำตื้นและการดำน้ำลึกของที่นี่ยังเหมาะกับบรรดามือใหม่อีกด้วย
ในวันต่อมา ออกไปเยือนเกาะแม็กเนติกที่เงียบสงบแต่ทว่าน่าหลงใหล ด้วยการโดยสารเรือเฟอร์รีเพียง 20 นาที ชื่อของเกาะตั้งโดยเจมส์ คุก เมื่อเข็มทิศเรือของเขาหยุดทำงานในระหว่างที่ผ่านเกาะนี้ หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมเกาะและสัมผัสกับสายลมที่โลมไล้เรือนผมของคุณก็คือ การเช่ารถเปิดประทุนแล้วออกเดินทางไปอย่างเสรี! หนึ่งในกิจกรรมโปรดของนักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คคือการไปเยือนรีสอร์ทบังกะโล เบย์ โคอาลา วิลเลจ (Bungalow Bay Koala Village) เพื่อไปรับประทานอาหารเช้าร่วมกับ Thor เจ้าหมีโคอาลาประจำรีสอร์ท
สำหรับวันสบายๆ ให้ออกไปหย่อนใจบนชายหาดเลียบหมู่บ้านฮอร์สชูเบย์ (Horseshoe Bay) แล้วนั่งชมวันที่หมุนเวียนผ่านไป หรือเที่ยวเล่นตลาดนัดสุดสัปดาห์เพื่อหาซื้อของที่ระลึก หากยังมีเวลาเหลือ ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ทรอปิคัลควีนส์แลนด์ (Museum of Tropical Queensland) เพื่อลองเข้าเครื่องจำลองการดำน้ำจนถึงระดับความลึกของเกรตแบร์ริเออร์รีฟดูสิ!
นั่งเรือเฟอร์รีกลับไปทาวน์สวิลล์
ขับรถไปแอร์ลีบีช
4) หมู่เกาะวิทซันเดย์และแอร์ลีบีช (Whitsundays and Airlie Beach) – 3 วัน
คุณสามารถเดินทางไปหมู่เกาะวิทซันเดย์ได้โดยรถยนต์ รถโค้ช รถไฟ และเครื่องบิน ใช้เวลาทั้งสิ้นเพียง 3 ชั่วโมง หมู่เกาะวิทซันเดย์เป็นจุดหมายยอดนิยมที่ผู้คนมากมายมักจะแวะมาพักผ่อนหย่อนใจ ไม่ว่าคุณจะเลือกเล่นกีฬาทางน้ำ หรือเดินป่าในอุทยานแห่งชาติที่มีอยู่หลายแห่ง วิทซันเดย์คือสถานที่สุดเพอร์เฟกต์สำหรับการเพลิดเพลินกับธรรมชาติอย่างเต็มที่
แนวปะการังรูปหัวใจที่มีชื่อเสียงในเกรตแบร์ริเออร์รีฟที่วิทซันเดย์มีรูปลักษณ์น่าทึ่ง เกิดจากปะการังหลากหลายชนิดที่ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติจนกลายเป็นรูปหัวใจ นอกจากนี้ ยังมีทริปไปเช้าเย็นกลับอีกมากมายให้เลือกสรรได้ที่นี่ ไม่ว่าจะออกไปตกปลา เที่ยวส่องจระเข้ หรือล่องเรือท่องผ่านเกาะอันเงียบสงบทั้ง 74 เกาะ
ปิดท้ายวันสุดท้ายของคุณในวิทซันเดย์ด้วยการออกไปนอนหย่อนใจที่แอร์ลีบีชลากูน ณ ใจกลางหาดแอร์ลีบีช คุณจะได้ผ่อนคลายระหว่างเริงร่าในสายน้ำเขียวใสอันสงบนิ่งที่ตัดกับหาดทรายนุ่ม เด็กๆ ก็สามารถมาเล่นน้ำตื้นได้ในสระสำหรับเด็กที่อยู่ตอนปลายของทะเลสาบ
ขับรถจากแอร์ลีบีชไปทาวน์ออฟเซเว่นทีน เซเวนตี้
5) ทาวน์ออฟเซเว่นทีน เซเวนตี้ (Town of 1770) – 1 วัน
เมืองทาวน์ออฟเซเว่นทีน เซเวนตี้ เป็นเมืองที่เงียบสงบแต่อบอวลไปด้วยเสน่ห์ เหมาะกับการหลีกเร้นจากกลุ่มนักท่องเที่ยว เพราะมีระยะทางการขับขี่ที่ค่อนข้างยาวไกล (8 ชั่วโมง) การมายังเมืองทาวน์ออฟเซเว่นทีน เซเวนตี้ เปรียบได้กับการเดินทางย้อนกาลเวลา พื้นที่นี้ได้รับการอนุรักษ์โดยไม่ให้ดำเนินการพัฒนาเพิ่มเติม ดังนั้น สิ่งที่คุณเห็นจึงเป็นภาพที่เหมือนกันกับเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว เมื่อครั้งที่กัปตันคุกได้เหยียบย่างมาถึงออสเตรเลียเป็นครั้งแรก ให้เวลากับการเพลิดเพลินบนชายหาด และชมอาทิตย์อัสดงอันตราตรึงก่อนที่คุณจะขับรถกลับไป
ขับรถจากทาวน์ออฟเซเว่นทีน เซเวนตี้ไปเกาะเฟรเซอร์
6) เกาะเฟรเซอร์และเฮอร์วีย์เบย์ (Fraser Island & Hervey Bay) – 3 วัน
ออกเดินทางต่อไปตามแนวชายฝั่งของออสเตรเลีย เกาะเฟรเซอร์ซึ่งหันหน้าเข้าหาทะเลคอรัลเป็นดินแดนที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์ในแบบออสเตรเลีย ไม่ว่าจะเป็นแนวชายฝั่งอันน่าตื่นตา สัตว์ป่าที่น่าสนใจ หรือป่าฝนอันเขียวชอุ่ม เกาะทรายแห่งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และได้รับการยกย่องให้เป็นแหล่งมรดกโลกโดย UNESCO มีความโดดเด่นด้วยภูมิประเทศอันเป็นแบบฉบับของออสเตรเลีย หากคุณขับรถมา เราขอแนะนำให้ไปตั้งแคมป์ตามอุทยานสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีอยู่หลายแห่ง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้คุณได้ทักทายกับพระอาทิตย์ขึ้นที่น่าประทับใจในทุกๆ เช้า ออกเดินป่าไปในป่าฝนของเกาะเฟรเซอร์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นป่าฝนเพียงแห่งเดียวของโลกที่ขึ้นอยู่บนผืนทราย หรือไปแช่ตัวใน 1 ในทะเลสาบน้ำจืดที่มีอยู่มากกว่า 100 แห่งบนเกาะสวรรค์แห่งนี้
ขับรถจากเกาะเฟรเซอร์ไปเมืองนูซาเฮดส์
7) เมืองนูซาเฮดส์ (Noosa Heads) – 2 วัน
ที่นี่คือเมืองหลวงแห่งการพักผ่อนหย่อนใจของออสเตรเลีย ถึงเวลาแล้วสำหรับการมุ่งหน้าสู่นูซาเฮดส์ ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับเสน่ห์แห่งชายฝั่งอันเลื่องชื่อของควีนส์แลนด์
นูซาเฮดส์เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องชายหาดที่สวยงามจับใจ อาหารแสนอร่อย และผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ อย่าลืมแวะที่แฮสทิงส์ สตรีท (Hastings Street) ถนนสายช้อปปิ้งที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย ที่นี่เนืองแน่นไปด้วยร้านอาหารกลางแจ้งอันเป็นเอกลักษณ์ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและเฝ้าดูผู้คน ประทับใจไปกับทัศนียภาพอันงดงามจากจุดชมวิวบนทางเดินเลียบชายฝั่งและออกท่องป่าในอุทยานแห่งชาตินูซา (Noosa National Park) เชิญมาใช้ชีวิตเนิบช้า สูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด และดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างเต็มที่
ขับรถจากเมืองนูซาเฮดส์ไปซันไชน์โคสต์
8) ซันไชน์โคสต์ (Sunshine Coast) – 2 วัน
เก็บกระเป๋าและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการนั่งรถครึ่งชั่วโมงเพื่อเดินทางไปยังชายฝั่งซันไชน์โคสต์ สภาพอากาศที่ยอดเยี่ยมของที่นี่เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งทุกประเภท นับตั้งแต่การเล่นสกีน้ำ การพายเรือคายัค การเล่นเพ้นท์บอลกลางแจ้ง ไปจนถึงการขี่ม้า มั่นใจได้เลยว่าทุกคนจะเพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ตนชื่นชอบ หรือถ้าอยากเที่ยวแบบสบายๆ หน่อยก็สามารถไปเยือนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซีไลฟ์ ซันไชน์ โคสต์ (SEA LIFE Sunshine Coast Aquarium) หรือเดอะ จินเจอร์ แฟคทอรี (The Ginger Factory) ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมผลิตภัณฑ์ของ Buderim Ginger ไว้มากที่สุด หรือจะไปเก็บสตรอเบอร์รี่สดๆ ที่ฟาร์มก็ได้เช่นกัน
ยังมีเวลาเหลืออยู่ใช่ไหม ซันไชน์ โคสต์ ฮินเทอร์แลนด์ (Sunshine Coast Hinterland) เปิดโอกาสให้คุณได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามแบบไม่เป็นสองรองใครในโลกนี้ เนินเขากลาสเฮาส์เมาน์เทนส์ (Glass House Mountains) เมืองมาเลนี (Maleny) และเมืองมอนต์วิลล์ (Montville) เป็นเพียงตัวอย่างสถานที่ไม่กี่แห่งสำหรับการชมทิวทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจของหุบเขาเขียวชอุ่มและมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนที่คุณจะออกเดินทางไปตามแนวชายฝั่ง
ขับรถจากซันไชน์โคสต์ไปบริสเบน
9) บริสเบน (Brisbane) – 1 วัน
มุ่งหน้าลงใต้ต่อไป คุณจะไปถึงเมืองบริสเบนในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง แวะไปที่โลนไพน์ (Lone Pine) ที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์หมีโคอาลาแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งเป็นแหล่งรวมหมีโคอาลาน่ากอดมากกว่า 130 ตัว เดินทางต่อไปที่เขาคูตา (Mount Coot-tha) (มีรถบัสท้องถิ่นสาย 471 วิ่งจากเมือง) ที่ซึ่งคุณจะได้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันสวยงามตระการตาของเมืองไปพร้อมๆ กับจิบกาแฟสักถ้วย หากคุณเดินทางมากับคนพิเศษ ลองไปที่ Summit Restaurant & Bar เพื่อสัมผัสกับมื้ออาหารที่น่าประทับใจไม่รู้ลืม หรือออกไปเที่ยวชมสวนพฤกษศาสตร์บริสเบน (Brisbane Botanical Gardens) ที่ซึ่งคุณสามารถมาปิกนิกได้ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามหากอากาศเป็นใจ
บริเวณอ่าวจอดเรือแมนลี่ (Manly Boat Harbour) เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยทางน้ำที่งามพิสุทธิ์ เหมาะสำหรับการเดินเล่นสบายๆ ในยามค่ำคืนก็สามารถออกไปหย่อนใจที่เซาท์แบงค์ (South Bank) ซึ่งเป็นแหล่งรวมอาหาร วัฒนธรรม และธรรมชาติ ผ่อนคลายระหว่างอาหารมื้อค่ำริมแม่น้ำ ในขณะที่ชมทิวทัศน์และฟังเสียงของเมืองที่น่าอัศจรรย์ใจแห่งนี้
ขับรถจากบริสเบนไปโกลด์โคสต์
10) โกลด์โคสต์ (Gold Coast) – 1 วัน
หลังจากขับรถไปครึ่งชั่วโมง คุณจะได้พบกับแสงแดด หาดทราย ทะเล และความสนุกสนานเต็มที่! โกลด์โคสต์คือสวรรค์สำหรับผู้ที่รักชายหาด ที่นี่มีชายหาดงามที่ทอดยาวมากกว่า 70 กม. อย่างเช่น เซาท์พอร์ต (Southport) บรอดบีช (Broadbeach) นอบบิส (Nobbys) และคูลังกัตตา (Coolangatta) คุณจึงสามารถเลือกพักผ่อนที่หาดใดก็ได้ในโกลด์โคสต์ หากคุณไปเยือนถูกช่วงเวลา อาจมีโอกาสได้ชมปลาวาฬและให้อาหารโลมาอีกด้วย! เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเคอร์รัมบิน (Currumbin Wildlife Sanctuary) ก็น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ เพราะที่นี่มอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในการเที่ยวชมสัตว์ป่า
ขับรถจากโกลด์โคสต์ไปเมืองไบรอนเบย์
11) เมืองไบรอนเบย์ (Byron Bay) – 2 วัน
ขับขึ้นเหนืออีกไม่ถึงสองชั่วโมงไปยังเมืองไบรอนเบย์ จากที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองชายฝั่งอันเงียบสงบ ปัจจุบันเมืองนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ใช้เวลาสักหนึ่งวันพักผ่อนบนชายหาดและเดินเล่นรอบเมืองเล็กๆ ที่สวยงามและเปี่ยมเสน่ห์แห่งนี้ ที่นี่มีร้านบูติกขนาดเล็กและร้านกาแฟมากมาย ซึ่งเหมาะสำหรับการมองดูผู้คนในยามบ่ายอันเงียบสงบ แวะไปเยือนตลาดนัดสุดสัปดาห์ หรือโรงกลั่นสุราในท้องถิ่นเพื่อจิบเครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้วสองแก้ว หากต้องการผจญภัยมากขึ้น คุณก็สามารถเลือกเล่นกีฬาทางน้ำที่มีให้เลือกมากมายได้
ขับรถจากเมืองไบรอนเบย์ไปเมืองคอฟส์ฮาร์เบอร์
12) เมืองคอฟส์ฮาร์เบอร์ (Coffs Harbour) – 1 วัน
คอฟส์ฮาร์เบอร์เป็นเมืองทางชายฝั่งตอนเหนือที่เป็นที่นิยมเพราะแสงแดดที่ส่องสว่างเกือบตลอดปี ที่นี่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย แวะเที่ยวที่สวนสนุกคอฟส์ฮาร์เบอร์ฮอลิเดย์พาร์ค (Coffs Harbour Holiday Park) เพื่อเพลิดเพลินกับการแสดงโชว์ที่ Dolphin Marine Magic และเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในท้องทะเลผ่านทางการจัดแสดงแบบอินเทอร์แอคทีฟที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Solitary Islands และลองลิ้มอาหารทะเลสดใหม่ตามร้านอาหารที่เรียงรายอยู่บนถนนสายเจ็ตตี้ สตริป (Jetty Strip) อย่าลืมมองหากล้วยขนาดมหึมาที่สร้างขึ้นเพื่อฉลองอุตสาหกรรมกล้วยของภูมิภาคนี้!
กินอาหารให้อิ่มหรือตุนของว่างไว้ให้พร้อมเพราะต่อไปจะเป็นการเดินทางบนท้องถนนที่ทอดยาวสวยงามไปตามเส้นทาง Legendary Pacific Coast เพื่อไปยังซิดนีย์! หรือคุณสามารถเลือกเดินทางโดยรถไฟหรือเครื่องบินก็ได้
ขับรถจากเมืองคอฟส์ฮาร์เบอร์ไปซิดนีย์
13) ซิดนีย์ (Sydney) – 3 วัน
ออกเดินทางไปตามชายฝั่ง แล้วคุณจะถึงเมืองที่น่าอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มหานครซิดนีย์มีสถานที่มากมายให้เที่ยวชม และทุกแห่งล้วนแต่สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวกสบายโดยรถไฟและรถบัสสาธารณะ ไปเยือนท่าเรือเซอร์คูลา คีย์ (Circular Quay) และเดอะ ร็อคส์ (The Rocks) พื้นที่ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของซิดนีย์ ที่เป็นแหล่งรวมพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ความบันเทิงบนท้องถนน ตลาดนัดสุดสัปดาห์ และทิวทัศน์ที่สวยที่สุดของอ่าวซิดนีย์ โอเปร่าเฮ้าส์ (Sydney Opera House) และสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ (Sydney Harbour Bridge) อันเป็นสัญลักษณ์ของออสเตรเลีย
ซิดนีย์ยังเป็นสถานที่จัดแสดงละคร ละครเพลง คอนเสิร์ต และการเต้นรำอยู่ตลอดทั้งปี ณ สถานที่ที่หรูหราโอ่อ่า เช่น ซิดนีย์โอเปร่าเฮ้าส์ และโรงละครแคปิตอล (Capitol Theatre) ถ้าหากมีเวลาพอ อย่าลืมไปชมการแสดงสักหนึ่งเรื่อง!
ถ้าได้ไปเยือนทางเดินเลียบชายฝั่งที่มีชื่อเสียงของซิดนีย์ คุณจะไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดจึงมักมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาที่นี่อย่างไม่ขาดสาย ทางเดินเลียบหาดของซิดนีย์ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งแต่หาดบอนได (Bondi Beach) ไปจนถึงหาดคูจี (Coogee Beach) และเส้นทางเดิน Spit Bridge to Manly อันงดงาม ให้เวลาตัวเองสำหรับการเดินเล่นและเที่ยวชมทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจท่ามกลางสภาพอากาศที่เป็นใจของซิดนีย์ หากขับรถไปอีกสักหนึ่งชั่วโมงหรือนั่งรถไฟอีก 90 นาที คุณก็จะเดินทางไปถึงเทือกเขาบลูเมาท์เทน (Blue Mountains) พักค้างสักคืนหรือสองคืนเพื่อไปเดินป่า หรือขับรถขึ้นไปยังจุดชมวิวเพื่อผ่อนคลายและตื่นตาไปกับทิวทัศน์อันน่าทึ่งของเทือกเขาแห่งนี้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถนั่งรถกระเช้าไฟฟ้ากระจกเพื่อชมทัศนียภาพในมุมสูงอันน่าทึ่งของภูเขาลูกนี้ได้ด้วย!
บินจากซิดนีย์ (SYD) ไปเมลเบิร์น (MEL)
14) เมลเบิร์น (Melbourne) – 3 วัน
นั่งเครื่องบินลัดฟ้าสักสองชั่วโมงเพื่อไปเยือนเมืองสุดท้ายในการเดินทางที่แสนอัศจรรย์ใจของคุณ! เมลเบิร์นเป็นสถานที่ที่อบอวลด้วยศิลปะ กาแฟ และอาหาร อีกทั้งยังอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยว เริ่มต้นการเที่ยวชมเมืองด้วยการไปเยือนวิหารเซนต์แพทริค (St Patrick’s Cathedral) โรงละคร Arts Centre Melbourne แม่น้ำยาร์รา (Yarra River) และกระท่อมกัปตันคุก (Cooks’ Cottage) หอสมุดรัฐวิคตอเรีย (State Library of Victoria) ก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ไม่ควรพลาด หากคุณชื่นชอบสถาปัตยกรรม ตอนบ่าย อย่าลืมไปเยือนตลาดควีนวิคตอเรีย (Queen Victoria Market) แหล่งจำหน่ายของแต่งบ้านและอาหารที่เหมาะจะเป็นของฝาก เมลเบิร์นยังมีศูนย์การค้ามากมาย ดังนั้น อย่าลืมคว้าของเตือนความทรงจำดีๆ ก่อนกลับ!
หากคุณชอบชายหาด แนะนำให้ออกทริปไปเยือนเกาะฟิลลิป (Phillip Island) แบบไปเช้าเย็นกลับ ที่นี่ คุณจะได้เห็นขบวนฝูงนกเพนกวินอันเลื่องชื่อ เฝ้าดูการอพยพของบรรดาสัตว์โลกที่น่ารักเหล่านี้ขณะที่พวกมันเดินทางกลับจากทะเลเพื่อคืนสู่รัง รับประกันได้ว่าเป็นภาพที่น่าประทับใจแน่นอน
อย่าลืมเที่ยวชมส่วนที่เหลือของเมืองและประเทศที่งดงามนี้ก่อนที่คุณจะเดินทางกลับ
ที่สุดของออสเตรเลีย
ที่สุดของออสเตรเลีย – 10 วัน – แผนการเดินทางในออสเตรเลีย
บินจากกรุงเทพฯ (BKK) ไปเมลเบิร์น (MEL)
[package_deals title=’ดีลแนะนำ กรุงเทพฯ-เมลเบิร์น’ deals=’packages,flights,hotels’ origin=’BKK’ destination=’MEL’ dest_region=’178283′ ]
1) เมลเบิร์น (Melbourne) – 2 วัน
ออกเดินทางไทยไปเมลเบิร์น เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของออสเตรเลีย ซึ่งใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินเพียง 6 ชั่วโมง ที่แห่งนี้อบอวลไปด้วยด้วยศิลปะ กาแฟ และอาหาร เป็นเมืองที่อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยว เริ่มต้นการเที่ยวชมเมืองด้วยการไปเยือนวิหารเซนต์แพทริก (St Patrick’s Cathedral) โรงละคร Arts Centre Melbourne แม่น้ำยาร์รา (Yarra River) และกระท่อมกัปตันคุก (Cooks’ Cottage) ที่อุทยาน Fitzroy Gardens หอสมุดรัฐวิคตอเรีย (State Library of Victoria) เป็นสถานที่ห้ามพลาดสำหรับสถาปนิกผู้ใฝ่รู้ที่ต้องการหาแรงบันดาลใจ หรือสำหรับใครก็ตามที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรม อย่าลืมไปเยือนตลาดควีนวิคตอเรีย (Queen Victoria Market) ที่ซึ่งคุณจะได้พบกับของแต่งบ้านและของว่างแสนอร่อยที่ไม่มีในประเทศไทย
หากคุณชอบขับรถ ลองเช่ารถยนต์เพื่อออกเที่ยวไปตามเส้นทางเกรตโอเชี่ยนโร้ด (Great Ocean Road) สัก 1 วัน ตื่นตาไปกับโขดหินที่เรียงรายอยู่ตามชายฝั่ง รวมทั้งเสาหินทเวลฟ์ อะพอสเซิล (12 Apostles) และลอค อาร์ด กอร์จ (Loch Ard Gorge) สถานที่น่าสนใจอื่นๆ ได้แก่ แม่น้ำเคนเน็ตต์ (Kennett River) ป่าฝนออตเวย์ (Otway Rainforest) อุทยานแห่งชาติพอร์ตแคมป์เบลล์ (Port Campbell National Park)
นั่งเรือเฟอร์รีจากเมลเบิร์นไปเกาะฟิลลิป
2) เกาะฟิลลิป (Phillip Island) – 1 วัน
เดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับเพื่อไปชมความน่ารักของฝูงนกเพนกวินที่เกาะฟิลลิป แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อที่นักท่องเที่ยวสามารถชมเจ้านกเพนกวินตัวน้อยเดินกลับจากทะเลเพื่อคืนสู่รังอย่างใกล้ชิด หากคุณเดินทางมาที่นี่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม คุณอาจโชคดีได้เห็นวาฬอพยพทางบริเวณตอนใต้ของเกาะด้วย หากทะเลคือหนึ่งในที่เที่ยวสุดโปรดของคุณ รับรองเลยว่าหนึ่งวันที่นี่จะเพลิดเพลินและเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าอย่างที่สุดแน่นอน
นั่งเครื่องบินจากเมลเบิร์น (MEL) ไปซิดนีย์ (SYD)
3) ซิดนีย์ (Sydney) – 2 วัน
คุณสามารถโดยสารเที่ยวบินภายในประเทศไปยังซิดนีย์ได้ภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง มหานครซิดนีย์มีสถานที่มากมายให้เที่ยวชม และทุกแห่งล้วนแต่สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวกสบายโดยรถไฟและรถบัส ไปเยือนท่าเรือเซอร์คูลา คีย์ (Circular Quay) และเดอะ ร็อคส์ (The Rocks) พื้นที่ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของซิดนีย์ ที่เป็นแหล่งรวมพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ความบันเทิงบนท้องถนน ตลาดนัดสุดสัปดาห์ และทิวทัศน์ที่สวยที่สุดของท่าเรือ โอเปร่าเฮ้าส์ (Sydney Opera House) และสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ (Sydney Harbour Bridge) อันเป็นสัญลักษณ์ของออสเตรเลีย
ใช้เวลาเดินข้ามสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์เพื่อไปยังตอนเหนือของซิดนีย์ คิริบิลลี่ (Kirribilli) เป็นแหล่งรวมร้านบูติกขนาดเล็กและร้านกาแฟมากมาย ที่นี่จึงเหมาะสำหรับการผ่อนคลาย จิบกาแฟ และเฝ้าดูผู้คน หากคุณอยู่ที่นั่นในช่วงสุดสัปดาห์ อย่าลืมหาเวลาไปที่ตลาดคิริบิลลี่ที่จำหน่ายงานฝีมือและของมือสอง นอกจากนี้ยังมีบริการให้เช่าเรือคายัคอีกด้วย
ทางเดินเลียบชายฝั่งของซิดนีย์คือสถานที่ที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งแต่หาดบอนได (Bondi Beach) ไปจนถึงหาดคูจี (Coogee Beach) หรือเส้นทางเดิน Spit Bridge to Manly ที่สวยงาม ให้เวลากับการเดินช้าๆ และเที่ยวชมทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจท่ามกลางสภาพอากาศที่เป็นใจของซิดนีย์
ขับรถจากซิดนีย์ไปเทือกเขาบลูเมาท์เทน
4) เทือกเขาบลูเมาท์เทน (Blue Mountains) – 1 วัน
สำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ หากขับรถไปอีกสักหนึ่งชั่วโมงหรือนั่งรถไฟอีก 90 นาที คุณก็จะเดินทางไปถึงเทือกเขาบลูเมาท์เทน พักค้างสักคืนหรือสองคืนเพื่อไปเดินป่า หรือขับรถขึ้นไปยังจุดชมวิวเพื่อผ่อนคลายและตื่นตาไปกับทิวทัศน์อันน่าทึ่งของเทือกเขาแห่งนี้ สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ภูเขาหินทรีซิสเตอร์ (Three Sisters) น้ำตกเวนต์เวิร์ท (Wentworth Falls) น้ำตกเลอูรา (Leura Cascades) สวนพฤกษศาสตร์บลูเมาท์เทน และคาทุมบา ซีนิค เวิลด์ (Katoomba Scenic World)
ขับรถจากซิดนีย์ไปโกลด์โคสต์
5) โกลด์โคสต์ (Gold Coast) – 2 วัน
หากคุณอยากจะขับรถเลียบชายฝั่ง ลองขับรถ 9 ชั่วโมงจากซิดนีย์ขึ้นไปยังโกลด์โคสต์ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงาม หรือหากใครมีเวลาจำกัด ก็สามารถเลือกโดยสารเครื่องบินเป็นเวลา 2 ชั่วโมงแทนได้ โกลด์โคสต์คือดินแดนแห่งแสงแดด ทะเล และความสนุกสนาน เป็นดั่งสวรรค์สำหรับคนรักชายหาด เพราะที่นี่มีชายหาดงามที่ทอดยาวมากกว่า 70 กม. อย่างเช่น เซาท์พอร์ต (Southport) บรอดบีช (Broadbeach) นอบบิส (Nobbys) และคูลังกัตตา (Coolangatta) คุณจึงสามารถเลือกพักผ่อนได้ดั่งใจปรารถนา หากคุณไปเยือนถูกช่วงเวลา อาจมีโอกาสได้ชมวาฬและให้อาหารโลมาอีกด้วย
สนุกสุขสันต์ไปกับหนึ่งในสี่สวนสนุกที่โกลด์โคสต์ หรือจะกวาดเรียบให้ครบทั้งสี่แห่งก็ยังได้! ไม่ว่าจะเป็น Dreamworld, Sea World, Movie World หรือ Wet ‘n’ Wild แต่ละแห่งล้วนอัดแน่นด้วยกิจกรรมและเครื่องเล่นที่เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเคอร์รัมบิน (Currumbin Wildlife Sanctuary) ก็เป็นอีกแห่งที่ได้รับความนิยมในหมู่เด็กๆ
ขับรถจากโกลด์โคสต์ไปเมืองไบรอนเบย์
6) เมืองไบรอนเบย์ (Byron Bay) – 1 วัน
ในวันถัดไป ขับรถสัก 2 ชั่วโมง หรือนั่งรถบัสไปยังเมืองไบรอนเบย์ จากที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองชายฝั่งอันเงียบสงบ ปัจจุบันเมืองนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ใช้เวลาสักหนึ่งวันพักผ่อนบนชายหาดและเดินเล่นรอบเมืองเล็กๆ ที่สวยงามและเปี่ยมเสน่ห์แห่งนี้ ที่นี่มีร้านบูติกขนาดเล็กและร้านกาแฟมากมาย ซึ่งเหมาะสำหรับการมองดูผู้คนในยามบ่ายอันเงียบสงบ สำหรับนักเดินทางผู้ชื่นชอบชีวิตกลางแจ้ง สภาพอากาศในฤดูร้อนย่อมเหมาะกับการเดินทางไกลไปตามเส้นทางประภาคาร หรือการพายเรือคายัครอบอ่าวไบรอน
ขับรถจากเมืองไบรอนเบย์ไปอุทยานแห่งชาติลามิงตัน
7) อุทยานแห่งชาติลามิงตัน (Lamington National Park) – 1 วัน
ปิดท้ายทริปเที่ยวแดนจิงโจ้ด้วยการไปเยือนอุทยานแห่งชาติลามิงตัน อุทยานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของป่าฝนกอนด์วานา (Gondwana Rainforests) ในพื้นที่มรดกโลกของออสเตรเลีย และนับได้ว่าเป็นป่าฝนกึ่งเขตร้อนที่มีเนื้อที่กว้างขวางมากที่สุดของโลก ออกท่องป่าเพื่อพบกับน้ำตกแสนสวยที่กระจายตัวอยู่ทั่วอุทยานแห่งชาติและสูดดมอากาศสดชื่นให้เต็มปอดก่อนที่จะถึงเวลาลัดฟ้ากลับบ้าน
ท่องหาดติดทะเล
ท่องหาดติดทะเล – 10 วัน – แผนการเดินทางในออสเตรเลีย
บินจากกรุงเทพฯ (BKK) ไปซิดนีย์ (SYD)
[package_deals title=’ดีลแนะนำ กรุงเทพฯ-ซิดนีย์’ deals=’packages,flights,hotels’ origin=’BKK’ destination=’SYD’ dest_region=’178312′ ]
1) ซิดนีย์ (Sydney) – 3 วัน
จัดกระเป๋าและออกเริ่มต้นทริปออสเตรเลียโดยการเดินทางไปยังซิดนีย์ เมืองที่น่าอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก! มหานครซิดนีย์มีสถานที่มากมายให้เที่ยวชม และทุกแห่งล้วนแต่สามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวกสบายโดยรถไฟและรถบัส ไปเยือนเดอะ ร็อคส์ (The Rocks) พื้นที่ส่วนที่เก่าแก่ที่สุดของซิดนีย์ ที่เป็นแหล่งรวมของพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร ความบันเทิงบนท้องถนน ตลาดนัดสุดสัปดาห์ และทิวทัศน์ที่สวยที่สุดของท่าเรือ โอเปร่าเฮ้าส์ (Sydney Opera House) และสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ (Sydney Harbour Bridge) อันเป็นสัญลักษณ์ของออสเตรเลีย
ทางเดินเลียบชายฝั่งของซิดนีย์เป็นสถานที่ที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งแต่หาดบอนได (Bondi Beach) ไปจนถึงหาดคูจี (Coogee Beach) หรือเส้นทางเดิน Spit Bridge to Manly อันเลื่องชื่อ ให้เวลากับการเดินช้าๆ และเที่ยวชมทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจท่ามกลางสภาพอากาศที่เป็นใจของซิดนีย์ สำหรับผู้ที่ชอบชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ หากขับรถสักหนึ่งชั่วโมงหรือนั่งรถไฟไปอีก 90 นาที คุณก็จะเดินทางไปถึงเทือกเขาบลูเมาท์เทน (Blue Mountains) พักค้างสักคืนหรือสองคืนเพื่อไปเดินป่าและขึ้นไปยังจุดชมวิวเพื่อผ่อนคลายและตื่นตาไปกับทิวทัศน์อันน่าทึ่งของเทือกเขาแห่งนี้
ขับรถจากซิดนีย์ไปเมืองไบรอนเบย์
2) เมืองไบรอนเบย์ (Byron Bay) – 2 วัน
โปรแกรมถัดไป ขับรถสัก 2 ชั่วโมง หรือนั่งรถบัสไปยังเมืองไบรอนเบย์ จากที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองชายฝั่งอันเงียบสงบ ปัจจุบันเมืองนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม ใช้เวลาสักหนึ่งวันพักผ่อนบนชายหาดและเดินเล่นรอบเมืองเล็กๆ ที่สวยงามและเปี่ยมเสน่ห์แห่งนี้ ที่นี่มีร้านบูติกขนาดเล็กและร้านกาแฟมากมาย ซึ่งเหมาะสำหรับการมองดูผู้คนในยามบ่ายอันเงียบสงบ หากคุณมีเวลาเหลือ แวะไปเยือนตลาดสุดสัปดาห์ หรือโรงกลั่นสุราในท้องถิ่น หากต้องการผจญภัยมากขึ้น คุณก็สามารถเลือกเล่นกีฬาทางน้ำที่มีให้เลือกมากมายได้
ขับรถจากเมืองไบรอนเบย์ไปโกลด์โคสต์
3) โกลด์โคสต์ (Gold Coast) – 2 วัน
หากคุณอยากจะขับรถเลียบชายฝั่ง ลองขับรถจากซิดนีย์ไปยังโกลด์โคสต์ หรือจะเลือกโดยสารเที่ยวบินเป็นเวลา 2 ชั่วโมงก็ได้ โกลด์โคสต์คือดินแดนแห่งแสงแดด ทะเล และความสนุกสนาน เป็นดั่งสวรรค์สำหรับคนรักชายหาด เพราะที่นี่มีชายหาดงามที่ทอดยาวมากกว่า 70 กม. อย่างเช่น เซาท์พอร์ต (Southport) บรอดบีช (Broadbeach) นอบบิส (Nobbys) และคูลังกัตตา (Coolangatta) คุณจึงสามารถเลือกพักผ่อนได้ดั่งใจปรารถนา เดินเล่นไปตามชายหาดของเซิร์ฟเฟอร์สพาราไดซ์ (Surfers Paradise) แล้วแวะไปเยือนตลาดที่เป็นที่นิยมต่างๆ ในระหว่างอยู่ที่นั่น หากคุณไปเยือนถูกช่วงเวลา อาจมีโอกาสได้ชมวาฬและให้อาหารโลมาอีกด้วย! ที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าเคอร์รัมบิน (Currumbin Wildlife Sanctuary) คุณจะได้ใกล้ชิดกับจิงโจ้ หมีโคอาลา และวอมแบต ที่นี่จึงน่าจะเป็นอีกแห่งที่ได้รับความนิยมในหมู่เด็กๆ
ขับรถจากโกลด์โคสต์ไปบริสเบน
4) บริสเบน (Brisbane) – 1 วัน
บริสเบนตั้งอยู่ห่างจากโกลด์โคสต์ออกไปในระยะการขับขี่เพียงครึ่งชั่วโมง โลนไพน์ (Lone Pine) เป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์หมีโคอาลาแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งเป็นแหล่งรวมของหมีโคอาลาน่ากอดมากกว่า 130 ตัว เดินทางต่อไปที่เขาคูตา (Mount Coot-tha) (มีรถบัสท้องถิ่นสาย 471 วิ่งจากเมือง) ที่ซึ่งคุณจะได้ดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันสวยงามตระการตาของเมืองไปพร้อมๆ กับจิบกาแฟสักถ้วย บริเวณอ่าวจอดเรือแมนลี่ (Manly Boat Harbour) ยังเต็มไปด้วยทางน้ำที่งามพิสุทธิ์ เหมาะสำหรับการเดินเล่นสบายๆ ในยามค่ำคืนก็สามารถออกไปหย่อนใจที่เซาท์แบงค์ (South Bank) อิ่มอร่อยกับมื้อค่ำขณะดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสุนทรีย์ของประเทศนี้
ขับรถจากบริเบนไปซันไชน์โคสต์
5) ซันไชน์โคสต์ (Sunshine Coast) – 2 วัน
สภาพอากาศที่ยอดเยี่ยมของที่นี่เอื้อต่อการเล่นกีฬาทุกประเภท! สนุกกับการเล่นสกีน้ำ การพายเรือคายัค การเล่นเพ้นท์บอลกลางแจ้ง หรือแม้แต่การขี่ม้า มั่นใจได้เลยว่าทุกคนจะเพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ตนชื่นชอบ แต่หากคุณยังไม่พบกิจกรรมที่ใช่ ลองไปที่ซีไลฟ์ (SEA LIFE Sunshine Coast Aquarium) เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับสัตว์ป่า ไปเที่ยวจินเจอร์ แฟกตอรี (The Ginger Factory) หรือไปเก็บสตรอเบอร์รี่สดๆ ที่สตรอเบอร์รี่ฟิลด์ หากยังมีเวลาเหลือ ซันไชน์ โคสต์ ฮินเทอร์แลน (Sunshine Coast Hinterland) เปิดโอกาสให้คุณได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามแบบไม่เป็นสองรองใครในโลกนี้ เนินเขากลาสเฮาส์เมาน์เทนส์ (Glass House Mountains) เมืองมาเลนี (Maleny) และเมืองมอนต์วิลล์ (Montville) เป็นเพียงตัวอย่างสถานที่ไม่กี่แห่งสำหรับการชมทิวทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจของหุบเขาเขียวชอุ่มและมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนที่คุณจะเดินทางกลับบ้าน
เกรตโอเชี่ยนโร้ด
เกรตโอเชี่ยนโร้ด – 9 วัน – แผนการเดินทางในออสเตรเลีย
บินจากกรุงเทพฯ (BKK) ไปเมลเบิร์น (MEL)
[package_deals title=’ดีลแนะนำ กรุงเทพฯ-เมลเบิร์น’ deals=’packages,flights,hotels’ origin=’BKK’ destination=’MEL’ dest_region=’178283′ ]
1) เมลเบิร์น (Melbourne) – 4 วัน
ออกเดินทางจากไทยไปเมลเบิร์น เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของออสเตรเลีย ซึ่งใช้เวลาการเดินทางโดยเครื่องบินเพียง 6 ชั่วโมง ที่แห่งนี้อบอวลด้วยศิลปะ กาแฟ และอาหาร เป็นเมืองที่อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยว เริ่มต้นการเที่ยวชมเมืองด้วยการไปเยือนวิหารเซนต์แพทริค (St Patrick’s Cathedral) โรงละคร Arts Centre Melbourne แม่น้ำยาร์รา (Yarra River) และกระท่อมกัปตันคุก (Cooks’ Cottage) ที่อุทยาน Fitzroy Gardens หอสมุดรัฐวิคตอเรีย (State Library of Victoria) ก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ไม่ควรพลาดหากคุณหลงใหลงานสถาปัตยกรรม ตอนบ่าย อย่าลืมไปเยือนตลาดควีนวิคตอเรีย (Queen Victoria Market) เพื่อเลือกสรรของแต่งบ้านและขนมขบเคี้ยวที่เหมาะจะเป็นของฝากให้คนที่คุณรัก
หากคุณชอบชายหาด แนะนำให้ออกทริปไปเยือนเกาะฟิลลิป (Phillip Island) แบบไปเช้าเย็นกลับ ที่นี่ คุณจะได้เห็นขบวนฝูงนกเพนกวินตัวน้อยเดินกลับจากทะเลเพื่อคืนสู่รังอย่างใกล้ชิด อีกสถานที่หนึ่งที่น่าไปเยือนคือแหลมมอร์นิงตัน (Mornington Peninsula) ที่ซึ่งคุณสามารถอาบน้ำพุร้อน ไปเยือนโรงกลั่นเหล้าองุ่น และเพลิดเพลินกับทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับได้ที่ฟาร์มสตรอเบอร์รี่
ขับรถจากเมลเบิร์นไปยาร์ราแวลลีย์
2) ยาร์ราแวลลีย์และเทือกเขาแดนดีนอง (Yarra Valley & Dandenong Ranges) – 1 วัน
หลีกเร้นจากเมืองโดยขับรถเพียงหนึ่งชั่วโมงไปยังยาร์ราแวลลีย์เพื่อลองลิ้มอาหารและไวน์เลิศรส แน่นอนว่าเมื่อไปถึงจะต้องไปเยือนโรงกลั่นไวน์ อย่าพลาดการขึ้นบอลลูนลมร้อนเพื่อไปชมภาพมุมสูงของบริเวณที่โล่งและผืนป่าอันงดงามของหุบเขายาร์ราแวลลีย์และเทือกเขาแดนดีนอง ปล่อยวางความกังวลทั้งหลายทิ้งไปเมื่อคุณออกท่องไปบนเส้นทางเดินอันคดเคี้ยวที่มีร้านจำหน่ายงานฝีมือท้องถิ่นและร้านกาแฟน่ารักๆ กระจายตัวอยู่ทั่วไป สภาพอากาศที่แสนสบายตลอดทั้งปียังเหมาะสำหรับกิจกรรมปิกนิกในสวนที่แวดล้อมไปด้วยดอกไม้แสนสวยนานาพันธุ์อีกด้วย
3) เกรตโอเชี่ยนโร้ด (Great Ocean Road) – 3 วัน
เตรียมตัวสำหรับสุดยอดทริปเดินทางบนท้องถนนด้วยการตุนขนมขบเคี้ยวไว้ในรถสำหรับเพลิดเพลินระหว่างการขับขี่เลียบชายฝั่งแสนตระการตา เกรตโอเชี่ยนโร้ดเป็นเส้นทางขับขี่เลียบชายฝั่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย
เส้นทางยอดนิยมที่เราจะแวะ ได้แก่:
เกรตโอเชี่ยนโร้ด – วันที่ 1 – ทอร์คีย์, ลอร์น, อพอลโลเบย์ (Torquay, Lorne, Apollo Bay)
การผจญภัยเริ่มต้นขึ้นหลังจากเดินทางตัดผ่านเมืองกีลอง (Geelong) จนมาถึงเมืองทอร์คีย์ ทอร์คีย์เป็นเมืองโต้คลื่นขนาดเล็กซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นจุดเริ่มต้นของเกรตโอเชี่ยนโร้ด เดินทางไปตามถนนเพียง 5 นาทีก็จะถึงหาดเบลส์บีช (Bells Beach) พื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโต้คลื่นมายาวนานที่สุดและเป็นจุดกำเนิดของแบรนด์โต้คลื่นต่างๆ อย่างเช่น Rip Curl และ Quiksilver
คุณจะได้เดินทางผ่านเมืองตากอากาศอย่าง แองเกิลเซย์ (Anglesea) และลอร์น ที่จริงแล้ว ลอร์นเป็นเมืองที่น่าอ้อมไปแวะสำหรับบรรดาผู้ชื่นชอบการเดินท่องธรรมชาติ น้ำตกเออร์สไคน์ (Erskine Falls) ที่ตั้งอยู่บริเวณนอกเมืองเป็นน้ำตกสูง 30 เมตรที่มองดูแล้วแสนเพลินตาขณะที่คุณอยู่ท่ามกลางเสียงขับขานของผืนป่า
หากยังไม่จุใจ ยังมีน้ำตกอื่นๆ ได้แก่ น้ำตกเฮนเดอร์สัน (Henderson Falls) น้ำตกแฟนตอม (Phantom Falls) น้ำตกคาลิมนาชั้นบนและชั้นล่าง (Upper and Lower Kalimna Falls) น้ำตก Sheoak พร้อมถ้ำสวอลโลว์ (Swallow Cave) และน้ำตกย่อย Cora Lynn
บนเส้นทางระหว่างเมืองลอร์นและอพอลโลเบย์ อย่าลืมเลี้ยวไปเยือนเมืองเคนเนตต์ริเวอร์ (Kennett River) เมืองเล็กๆ ที่อาจพลาดผ่านเลยไปได้ง่ายๆ แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเกรตโอเชี่ยนโร้ด บ่อยครั้ง ผู้มาเยือนมักมีโอกาสได้พบเห็นหมีโคอาลาป่า รวมทั้งนกกระตั้วแสนสวย นกจำพวกนกแก้ว และนกเขตร้อนชื้นจากต่างถิ่น แวะไปร้าน Koala Cove Café ซึ่งเป็นที่นิยม เพื่อซื้อหาอาหารสำหรับล่อนกแก้วคิงและนกคูคาเบอร์ร่าในท้องถิ่นให้มาเล่นด้วย
ถึงตอนนี้ คุณเดินทางมาเกือบ 200 กม. แล้ว และในที่สุด คุณก็ได้มาถึงอพอลโลเบย์ อพอลโลเบย์มีลักษณะเป็นชายหาดโค้งครึ่งวงกลม เป็นจุดหมายที่ลงตัวสำหรับการผ่อนคลายบนชายหาด ลิ้มรสอาหารทะเลในมื้อค่ำที่น่าประทับใจ และออกสำรวจอุทยานแห่งชาติเกรทออตเวย์ (Great Otway National Park) เช็คอินที่โรงแรมอพอลโลเบย์ และฉลองยามค่ำคืนไปพร้อมๆ กับการจิบเบียร์เย็นๆ
เกรตโอเชี่ยนโร้ด – วันที่ 2 – น้ำตกโฮปทูน, เสาหินทเวลฟ์ อะพอสเซิล, พอร์ตแคมป์เบลล์ (Hopetoun Falls, 12 Apostles, Port Campbell)
ตื่นรับวันใหม่ในเช้าตรู่ที่สดใส สูดอากาศยามเช้าอันบริสุทธิ์ที่น้ำตกโฮปทูนที่อยู่ห่างออกไปเพียงสองสามกิโลเมตร แม้ว่าการลงบันได 200 ขั้นเพื่อไปชมน้ำตกจะทำให้เมื่อยล้า แต่รับรองว่าคุณจะได้เห็นภาพที่งดงามอยู่เบื้องล่าง หากอากาศดี อย่าลืมเตรียมชุดว่ายน้ำไปด้วยเพื่อไปแช่ตัวและเล่นน้ำในแม่น้ำแอร์ (Aire River)
หลังจากเล่นน้ำเสร็จแล้ว ให้มุ่งหน้าไปยังเสาหินทเวลฟ์ อะพอสเซิลในตำนาน โขดหินปูนที่ตระหง่านอยู่เหนือน้ำทะเลสีเขียวอมน้ำเงินใสกระจ่างและคลื่นที่กระทบหาดทรายสีทอง เป็นทิวทัศน์ที่เก็บภาพเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งนี้มักจะมีผู้คนมาเยือนอยู่เนืองแน่นจนกระทั่งถึงเวลาอาทิตย์อัสดง ดังนั้น จึงควรเผื่อใจไว้ด้วยหากไปตอนเย็น
ออกเดินทางต่อเพื่อไปแวะที่พอร์ตแคมป์เบลล์ แวะหาอาหารรับประทานที่นี่ และลองชิมฟิชแอนด์ชิพส์จากร้าน Frying Nemo ที่หมู่บ้านชายทะเลอันเปี่ยมด้วยสีสันแห่งนี้มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ลองใช้ชีวิตให้ช้าลงแล้วออกไปสำรวจเรื่องราวประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น และเดินเล่นไปตามแนวชายฝั่งและเส้นทางต่างๆ เพื่อชื่นชมความงามของพื้นที่แห่งนี้ คุณสามารถเลือกที่จะมุ่งหน้าสู่เส้นทาง Kanawinka Geotrail เพื่อชมทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟและปล่องภูเขาไฟได้ด้วย
เกรตโอเชี่ยนโร้ด – วันที่ 3 – เบย์ออฟไอส์แลนด์, ลอค อาร์ด จอร์จ, วอรร์นามบูล (Bay of Islands, Loch Ard Gorge, Warrnambool)
นี่เป็นวันสุดท้ายของทัวร์เกรตโอเชี่ยนโร้ดของคุณ ขับรถเป็นระยะทางสั้นๆ สักครึ่งชั่วโมงก็จะถึงเบย์ออฟไอส์แลนด์ แต่เดิมพื้นที่นี้เคยเป็นถิ่นของชาวพื้นเมือง ที่นี่คือสวรรค์ที่แท้สำหรับผู้ที่ชอบทัศนียภาพของมหาสมุทร มีภูมิประเทศที่แวดล้อมด้วยคุณลักษณะทางธรณีวิทยาอันน่าทึ่ง มีจุดชมวิวอยู่สองแห่งและสถานที่อีกสองสามแห่งน่าไปเยี่ยมชม หลักๆ แล้ว ได้แก่ เวิ้งอ่าวไวลด์ด๊อก (Wild Dog Cove) อ่าวเบย์ออฟมาร์เทอร์ส (Bay of Martyrs) และอ่าวและแหลมแมสซาเคอร์ (Massacre Point and Bay)
เดินทางต่อไปเพื่อสัมผัสกับมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติในลอค อาร์ด กอร์จ (Loch Ard Gorge) ออกสำรวจเส้นทางต่างๆ ตั้งแต่เส้นทางธรณีวิทยาไปจนถึงจุดชมซากเรืออับปาง และทึ่งไปกับธรรมชาติที่สรรสร้างสถานที่ที่แสนสวยงามเช่นนี้
จุดแวะแห่งสุดท้ายคือวอรร์นามบูล ไปเยือน Allansford Cheese World เพื่อลองลิ้มเนยแข็ง Warrnambool Heritage Cheddar ที่ได้รับรางวัล ซึ่งมักจะมีรสชาติใหม่ๆ ออกมาตามฤดูกาล หรือไปเยือนตลาด Timor Street เพื่อดูผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น โบราณวัตถุและของสะสมอื่นๆ หากคุณมาที่นี่ในวันอาทิตย์และอยากจะออกกำลังกายด้วยการเดินขึ้นเนิน คุณสามารถเดินไปยังปล่องภูเขาไฟเมาท์เอเลเฟ่น (Mount Elephant Crater) เพื่อสัมผัสกับความยิ่งใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ วอรร์นามบูลยังเป็นแหล่งรวมของบาร์และร้านกาแฟมากมายเพื่อบรรเทาความหิวโหยของนักเดินทางอีกด้วย
4) เมลเบิร์น (Melbourne) – 1 วัน
หลังจากกลับเข้ามาในเมืองแล้ว ใช้เวลาสบายๆ สำรวจดูนิทรรศการที่หอศิลป์แห่งชาติวิคตอเรีย (National Gallery of Victoria) หรือหากาแฟหรือชาร้อนดื่มสักแก้วที่ร้านกาแฟเจ๋งๆ ซึ่งมีอยู่มากมายตามตรอกซอกซอยของเมลเบิร์น จากนั้นนั่งรถแท็กซี่หรือรถรับส่ง Skybus ไปยังสนามบินเพื่อเดินทางลัดฟ้ากลับสู่ประเทศไทย
แทสมาเนีย
แทสมาเนีย – 7 วัน – แผนการเดินทางในออสเตรเลีย
แทสมาเนียไม่เหมือนกับเมืองอื่นๆ ของออสเตรเลีย แม้ว่าจะเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยสัตว์และป่า ประชากรที่มีอยู่บางตาและที่ตั้งอันโดดเดี่ยวก็ทำให้แทสมาเนียดึงดูดคนเมืองจำนวนมากที่ต้องการหลีกเร้นจากชีวิตที่วุ่นวาย แทสมาเนียมีอากาศที่สะอาดที่สุดในโลก คุณจึงควรสูดอากาศเข้าไปให้เต็มปอดในระหว่างการท่องเที่ยวผจญภัยเป็นเวลา 1 สัปดาห์นี้
บินจากกรุงเทพฯ (BKK) ไปแทสมาเนีย โดยผ่านเมลเบิร์น
[package_deals title=’ดีลแนะนำ กรุงเทพฯ-เดวอนพอร์ต’ deals=’packages,flights,hotels’ origin=’BKK’ destination=’DPO’ dest_region=’1053′ ]
1) เดวอนพอร์ต (Devonport) – 1 วัน
หลังจากแวะพักเป็นระยะเวลาสั้นๆ ในเมลเบิร์น ก็ได้เวลาเหินฟ้าสู่สนามบินเดวอนพอร์ตในแทสมาเนีย เมื่ออยู่ที่นี่ ไม่มีวิธีใดจะดีไปกว่าการท่องเที่ยวด้วยรถยนต์ เนื่องจากบริการขนส่งสาธารณะนั้นเข้าถึงได้ยาก เดวอนพอร์ตเป็นหมู่บ้านชายทะเลที่เงียบสงบ แต่อย่าเผลอให้เมืองที่ภายนอกดูหลับใหลนี้ลวงตาคุณได้ เพราะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวขนาดเล็กที่ไม่เหมือนใครอยู่มากมายรอให้คุณมาเยือน ลิ้มลองช็อคโกแลตแทสมาเนียที่ดีที่สุดที่ร้าน Anvers Chocolate ชิมเชอร์รี่รสฉ่ำที่คาเฟ่ Cherry Shed เติมพลังด้วยผลิตภัณฑ์จากนมสดใหม่จากฟาร์ม Ashgrove และดับร้อนกับไอศกรีมและเจลาโตชั้นเยี่ยมที่ The Creamery
หลังจากอิ่มอร่อยกับผลผลิตที่สดใหม่แล้ว แวะไปที่หาดลิลิโก (Lillico Beach) เพื่อชมการอนุรักษ์เพนกวิน และไปเยือนพิพิธภัณฑ์รถไฟดอน ริเวอร์ เรลเวย์ (Don River Railway) เพื่อลองนั่งรถไฟยุคเก่า
ขับรถจากเดวอนพอร์ตไปสแตนลีย์
2) สแตนลีย์ (Stanley) – 1 วัน
กลับขึ้นรถและเดินทางขึ้นเหนือไปตามแนวชายฝั่งเพื่อมุ่งสู่สแตนลีย์ บ่อยครั้งที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากมักมองข้ามสแตนลีย์ แต่ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็น “ขอบโลก” มีภูมิประเทศที่ไม่ธรรมดาซึ่งรู้จักกันในชื่อ “The Nut” เป็นทะเลสาบลาวาที่แข็งตัวของภูเขาไฟที่ดับไปนานแล้ว
คุณสามารถเดินทางไกลหรือเลือกใช้เส้นทางที่ง่ายกว่าในทาร์คีน (Tarkine) ซึ่งใช้เวลาขับรถเพียงครึ่งชั่วโมง ที่นี่เป็นที่ตั้งของป่าต้นยูคาลิปตัสที่สูงชะลูด ภูมิภาคเซอร์คูลาร์เฮด (Circular Head Region) ยังจะมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร อย่าลืมมองหาผลงานศิลปะและงานฝีมือแบบดั้งเดิมของแทสมาเนียที่เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝากสุดๆ เมืองเล็กๆ แห่งนี้ยังมีอาคารหลากสีสันที่ควรค่าแก่การมาเยือน
ขับรถจากสแตนลีย์ไปภูเขาคราเดิล
3) ภูเขาคราเดิล (Cradle Mountain) – 1 วัน
ขับรถลึกเข้าไปในแผ่นดินใหญ่สักสองชั่วโมงเพื่อไปยังภูเขาคราเดิล อุทยานแห่งนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ธรรมชาติที่เป็นมรดกโลกของแทสมาเนีย (Tasmanian World Heritage Wilderness Area) ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยอันอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ป่านานาชนิด เช่น แทสเมเนียนเดวิลและตุ่นปากเป็ด ทัศนียภาพที่สวยงามไม่รู้ลืมรอทักทายคุณอยู่ที่นี่ ลองจินตนาการถึงภาพถ่ายป่าฝนโบราณและพื้นที่เทือกเขาสูงที่งดงาม คุณสามารถเดินเล่นและเพลิดเพลินกับบรรยากาศโดยรอบ หรือออกไปผจญภัยด้วยการกระโดดน้ำตกหรือปีนลงหน้าผา ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการออกแคมป์ แต่หากคุณไม่ชอบเที่ยวแนวนี้ ก็สามารถเลือกเช่าบ้านพักท่ามกลางธรรมชาติที่มีให้เลือกมากมายเช่นกัน
ขับรถจากภูเขาคราเดิลไปสตราฮาน
4) สตราฮาน (Strahan) – 1 วัน
เดินทางสองชั่วโมงข้ามเกาะไปยังชายฝั่งด้านตะวันตก ครั้งหนึ่ง สตราฮานเคยเป็นแหล่งที่นักโทษถูกส่งตัวมา แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีถนนสายต่างๆ เรียงรายไปด้วยร้านอาหารท้องถิ่นรสโอชาและร้านค้าที่จำหน่ายงานฝีมือ ไปเยือนเกาะซาร่าห์ (Sarah Island) คุกสุดอื้อฉาว เพื่อเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์บางส่วนของเกาะนี้ หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ ไปเที่ยวเกาะบอนเน็ต (Bonnet Island) หรือดับบิลบาร์ริล (Dubbil Barril) แบบไปเช้าเย็นกลับ คุณยังสามารถเช่ารถเอทีวีสตราฮานและขี่เที่ยวรอบเนินทรายเฮนตี้ ดูนส์ (Henty Dunes) ได้ที่นี่ด้วย!
ขับรถจากสตราฮานไปโฮบาร์ท
5) เมืองโฮบาร์ท (Hobart) – 1 วัน
เมืองโฮบาร์ทตั้งอยู่ห่างจากสตราฮาน 4.5 ชั่วโมง ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยวในแทสมาเนีย ไปเยือนท่าเรือโฮบาร์ท (Hobart Harbour) ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบในยามเช้า เดินทางต่อไปยังตลาดซาลามันกา (Salamanca Market) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย คุณสามารถเดินเที่ยวไปตามถนนที่ทอดยาวเพื่อเลือกชมงานฝีมือท้องถิ่น และลิ้มลองสตรีทฟู้ดริมถนน ในขณะที่นักดนตรีบรรเลงเพลงขับกล่อมคุณ สำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ของแทสมาเนีย ขอแนะนำให้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์ Female Factory เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกของนักโทษ ปิดท้ายวันด้วยการจิบเบียร์และไซเดอร์รสเลิศบนระเบียงของโรงกลั่น The Cascade Brewery
ขับรถจากโฮบาร์ทไปลอนสตัน
6) ลอนสตัน (Launceston) – 1 วัน
ลอนสตันเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของแทสมาเนียรองจากโฮบาร์ท ภายในเมืองเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมยุควิคตอเรียน และมีสวนสาธารณะอยู่ทั่วไป ไปเยือนช่องเขาคาตาแรกต์ (Cataract Gorge) พิพิธภัณฑ์ควีนวิคตอเรีย (Queen Victoria Museum) และหอศิลป์ หากคุณอยู่ที่นั่นในช่วงเช้าวันเสาร์ อย่าลืมไปเยือนตลาดฮาร์เวสต์มาร์เก็ต (Harvests Market) ที่เต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าท้องถิ่นและผลผลิตคุณภาพเยี่ยม
ขับรถจากลอนสตันไปทามาร์แวลลีย์
7) ทามาร์แวลลีย์ (Tamar Valley) – 1 วัน
ทามาร์แวลลีย์อยู่ห่างจากเมืองเพียง 15 นาที ที่นี่มีโรงกลั่นมากกว่า 30 แห่งอยู่ในหุบเขา จึงถือได้ว่าเป็นสวรรค์แห่งไวน์อย่างแท้จริง ลิ้มลองไวน์รสเลิศจากโรงไวน์หลากหลายแห่ง หากคุณไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือเดินทางโดยพาเด็กๆ มาด้วย ก็ยังมีกิจกรรมอีกมากมายให้เพลิดเพลินในหุบเขานี้
ลองเที่ยวจากลอนสตันแบบไปเช้าเย็นกลับ โดยขับรถขึ้นไปตามเวสต์แบงค์ (West Bank) ตัดผ่านเอ็กซิเตอร์ (Exeter) และบีคอนส์ฟิลด์ (Beaconsfield) ไปยังเมืองบิวตี้พอยท์ (Beauty Point) จากนั้น ข้ามสะพานแบทแมน (Batman Bridge) และย้อนกลับลงมาจากอีสต์แบงค์ผ่านสถานที่น่าสนใจต่างๆ เช่น โลว์เฮด (Low Head) และฟาร์มเบอร์รี่ฮิลล์วูด (Hillwood Berry Farm) ระหว่างทาง ลองเลือกไปเยือนสถานที่ต่างๆ อาทิ เหมืองทองคำบีคอนส์ฟิลด์ (Beaconsfield Gold Mines) บ้านตุ่นปากเป็ด (Platypus House) จอร์จทาวน์ (George Town) และหอศิลป์ Artisan Gallery หลังจากนั้น ขับรถในระยะทางสั้นๆ กลับลอนสตัน และเตรียมตัวขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน!
อ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับ 9 เส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยม
พบกับสัตว์พื้นเมืองแสนน่ารักอย่างหมีโคอาลา ตุ่นปากเป็ดและจิงโจ้ อีกทั้งความงดงามของธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ อาทิ เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) และโขดหินอุลูรู (Uluru/Ayer’s Rock) ตะลึงไปกับซิดนีย์โอเปร่าเฮ้าส์อันเป็นสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม และวิถีทางศิลปะและวัฒนธรรมที่หลากหลาย ออสเตรเลียยังมีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่รอให้คุณมาสำรวจ...
เปิดตาเปิดใจมาสำรวจความงดงามและความลึกลับของอินโดนีเซีย อย่าปล่อยให้เรื่องเล็กๆ อย่างการจราจร ทางคดเคี้ยวบนเขา หรือถนนขรุขระมาเป็นอุปสรรค เพราะที่นี่มีอะไรให้คุณชมมากมายเหลือเกิน ประชากรของอินโดนีเซียมาจากกว่า 300 ชาติพันธุ์ ประเทศนี้จึงเป็นที่หลอมรวมของวัฒนธรรมและมรดกตกทอดต่างๆ มากมาย หมู่เกาะอินโดนีเซียประกอบด้วยเกาะแก่งกว่า 17,000 เกาะ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพทั้งบนบกและในทะเล...
คนไทยไม่น้อยชื่นชอบการใช้ชีวิตแบบชาวญี่ปุ่น และไทยก็อยู่ในรายชื่อประเทศ 10 อันดับแรกที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนประเทศญี่ปุ่นมากที่สุด ไม่ว่าเราจะไปเพราะติดใจอาหารญี่ปุ่นแสนอร่อย สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ หรือวัฒนธรรม “คาวาอี้” ที่น่ารัก ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า เราชอบที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมากๆ ญี่ปุ่นเปี่ยมไปด้วยสีสัน และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้เยี่ยมชม แล้วจะเริ่มที่ไหนกันก่อนดีนะ? เราได้ทำแผนที่แสดงเส้นทางยอดฮิตในญี่ปุ่นมา...
คุณอาจมองข้ามมาเลเซียเวลาวางแผนเที่ยว เพราะคิดว่าประเทศนี้เป็นแค่ทางผ่าน แต่จริงๆ แล้วในมาเลเซียมีกิจกรรมนับไม่ถ้วนให้คุณลองทำ แค่คุณเพียงต้องรู้แหล่งเท่านั้น ประเทศนี้มีขุมทรัพย์มากมายที่ซ่อนอยู่ซึ่งพร้อมมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่หลากหลาย ลองมาพักร้อนช่วงวันหยุดในมาเลเซียสิ แล้วคุณจะได้ท่องเที่ยวผจญภัยแบบจัดเต็ม มาเลเซียเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่ สถานที่ท่องเที่ยวโบราณและสิ่งก่อสร้างจากยุคล่าอาณานิคม ทุกวันนี้คุณจะยังได้เห็นร่องรอยอิทธิพลของอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และโปรตุเกสที่เหลือไว้ตามป้อมปราการ พิพิธภัณฑ์ โบสถ์...
ไต้หวันเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักท่องเที่ยว จึงมีชาวไทยจำนวนมากเดินทางมาเพราะหลงใหลในเสน่ห์ของที่นี่ เสน่ห์นั้นน่าจะมาจากการผสมผสานของสถานที่ท่องเที่ยวที่แตกต่างกันอย่างมีสีสัน ตั้งแต่ชายหาดที่สวยงาม น้ำตก และอุทยานแห่งชาติ ไปจนถึงแหล่งช้อปปิ้งที่มีผู้คนเนืองแน่นและตลาดกลางคืนในเมืองไทเป หรืออาจมาจากอาหารมากมายที่บรรดานักกินสามารถชิมได้อย่างรื่นรมย์ตลอดวัน ตั้งแต่สตรีทฟู้ดแบบดั้งเดิมไปจนถึงร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ที่มีชื่อเสียง สำหรับเรา เสน่ห์ของไต้หวันคือการผสมผสานสิ่งต่างๆ เหล่านี้อย่างลงตัวไว้ในสถานที่เดียว ไต้หวันจะทำให้คุณประหลาดใจไม่หยุดหย่อนหากคุณวางแผนให้ถูกว่าจะไปที่ไหนบ้าง สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมีตั้งแต่ทะเลสาบสุริยันจันทรา อาลีซาน...