โดย Expedia Team, 18 January 2020

ขาช้อปต้องรู้ หิ้วของเข้าไทย อะไรที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า

ขาช้อปทั้งหลายที่ชอบช้อปปิ้งสินค้าจากต่างประเทศต้องห้ามเลื่อนผ่านเด็ดขาด เพราะวันนี้เอ็กซ์พีเดียมีข้อมูลดีๆ ที่เหล่าขาช้อปต้องรู้มาฝากกัน ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการนำสิ่งของที่ช้อปปิ้งจากต่างประเทศกลับไทยโดยเฉพาะว่ามีอะไรบ้างที่ต้องสำแดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่สนามบินเพื่อเสียภาษีนำเข้าและอะไรบ้างที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า เราจะมาบอกให้ฟังชัดๆ กันตรงนี้เลย! แต่ก่อนอื่นเพื่อนๆ ต้องรู้จักคำว่า “ของต้องห้าม” และ “ของต้องกำกัด” กันก่อน

ขาช้อปต้องรู้ หิ้วของเข้าไทย อะไรที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า


• ของต้องห้ามมีอะไรบ้าง?

ของต้องห้ามมีอะไรบ้าง-01

ภาพจาก : iStockPhoto

ของต้องห้าม คือ ของที่ห้ามนำเข้ามาหรือส่งออกไปต่างประเทศ เช่น สารเสพติด วัตถุหรือสื่อลามก ของลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้าหรือของละเมิดลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญา ธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์ปลอม สัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ที่อยู่ในบัญชีควบคุมของอนุสัญญาไซเตส

• ของต้องกำกัดมีอะไรบ้าง?

ของต้องกำกัดมีอะไรบ้าง-01

ภาพจาก : iStockPhoto

ของต้องกำกัด คือ ของบางชนิดที่กฎหมายควบคุมการนำเข้ามาและการส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งการจะนำเข้ามาหรือส่งออกไปต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องก่อน และต้องนำมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรด้วย เช่น พระพุทธรูป ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ อาวุธปืน กระสุนปืน วัตถุระเบิด สิ่งเทียมอาวุธปืน เครื่องมือวิทยุสื่อสาร อุปกรณ์โทรคมนาคม สัตว์มีชีวิต ซากสัตว์ พืช ส่วนต่างๆ ของพืช อาหาร ยา เครื่องสำอาง อาหารเสริม บุหรี่ ยาสูบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชิ้นส่วนยานพาหนะ เป็นต้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

ใครบ้างที่ต้องสำแดงสิ่งของเพื่อเสียภาษีนำเข้า-02
ใครบ้างที่ต้องสำแดงสิ่งของเพื่อเสียภาษีนำเข้า-03
ภาพจาก : iStockPhoto

• ใครบ้างที่ต้องสำแดงสิ่งของเพื่อเสียภาษีนำเข้า?

ผู้ที่ต้องสำแดงสิ่งของเพื่อเสียภาษีนำเข้า คือ ผู้โดยสารหรือขาช้อปทั้งหลายที่นำของมูลค่าเกิน 20,000 บาทเข้าประเทศ หรือของที่เป็นลักษณะเชิงพาณิชย์ถึงแม้จะมีมูลค่าไม่เกิน 20,000 บาท ก็จะต้องเสียภาษีนำเข้าด้วย ซึ่งอัตราภาษีนำเข้าจะมีราคาแตกต่างกันตามชนิดและประเภทสินค้า โดยมีหลักการคิดภาษีนำเข้าของศุลกากรโดยเฉพาะ เช่น กระเป๋าแบรนด์เนม 20% รองเท้า 30% เครื่องสำอาง 30% เข็มขัด 30% นาฬิกา 5% ของราคาตามใบเสร็จ และต้องรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ด้วย แต่หากไม่มีใบเสร็จทางเจ้าหน้าที่จะดูราคาจากฐานข้อมูลและเว็บไซต์ที่จำหน่ายสินค้านั้น ทั้งนี้สิ่งของประเภทโทรศัพท์ กล้อง และอุปกรณ์ไอทีต่างๆ จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า แต่ก็ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เช่นกัน โดยสูตรคำนวณภาษีนำเข้ามีดังนี้

ราคาสินค้า X อัตราภาษีขาเข้า = อากรขาเข้า
(ราคาสินค้า + อากรขาเข้า) X อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% = ภาษีมูลค่าเพิ่ม
อากรขาเข้า + ภาษีมูลค่าเพิ่ม = ค่าภาษีนำเข้าทั้งหมดที่ต้องชำระ

ยกตัวอย่างเช่น : ช้อปปิ้งกระเป๋าแบรนด์เนมราคา 250,000 บาท ต้องเสียภาษีนำเข้าดังนี้
250,000 X 20% = 50,000
(250,000 + 50,000) X 7% = 21,000
ดังนั้นค่าภาษีนำเข้าที่ต้องชำระทั้งหมด คือ 50,000 + 21,000 = 71,000 บาทนั่นเอง

หากเพื่อนๆ อยู่ในเกณฑ์ต้องสำแดงสิ่งของ สามารถเดินเข้าช่องตรวจสิ่งของต้องสำแดงหรือช่องแดง (Goods to declare) ได้เลย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสัมภาระและพิจารณารายการสิ่งของเพื่อชำระภาษีนำเข้า โดยเพื่อนๆ จะต้องเตรียมเอกสารดังนี้

1. หนังสือเดินทาง
2. ใบเสร็จรับเงินหรือบัญชีรายการสินค้า

ใครบ้างที่ไม่ต้องสำแดงสิ่งของเพื่อเสียภาษีนำเข้า-01

ภาพจาก : iStockPhoto

• ใครบ้างที่ไม่ต้องสำแดงสิ่งของเพื่อเสียภาษีนำเข้า?

ผู้ที่ไม่ต้องสำแดงสิ่งของเพื่อเสียภาษีนำเข้า คือ ผู้โดยสารที่เดินทางกลับเข้าประเทศโดยไม่มีของต้องเสียภาษีนำเข้า ไม่มีของต้องห้ามหรือของต้องกำกัดติดตัวเข้ามาพร้อมกับตนเอง โดยของที่ได้รับการยกเว้นการเสียภาษีนำเข้า มีดังต่อไปนี้

1. ของใช้ส่วนตัวที่มีปริมาณสมควรต่อการใช้เพื่อส่วนตัวและมีมูลค่ารวมทั้งหมดไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งไม่ใช่ของต้องห้าม ของต้องกำกัด หรือเสบียงอาหาร
2. บุหรี่ไม่เกิน 200 มวน หรือยาสูบไม่เกิน 250 กรัม หรือน้ำหนักรวมทั้งหมดทุกประเภทไม่เกิน 250 กรัม
3. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาตรไม่เกิน 1 ลิตร
4. หากนำบุหรี่ ยาสูบ หรือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด จะต้องหย่อนใส่กล่องที่กรมศุลกากรจัดไว้ให้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดี

ทั้งนี้เพื่อนๆ สามารถเดินเข้าช่องไม่มีสิ่งของต้องสำแดงหรือช่องเขียว (Nothing to declare) ตอนตรวจสำภาระผู้โดยสารขาเข้าได้เลย

สำหรับการเสียภาษีนำเข้านั้น ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การพิจารณาของเจ้าหน้าที่ เนื่องจากกฎหมายเองก็ไม่ได้มีการกำหนดว่าการนำเข้าสินค้าปริมาณเท่าใดถึงจะถูกเรียกว่านำสินค้าเข้ามาในเชิงพาณิชย์ ดังนั้นก็ต้องไปดูกันตามสถานการณ์อีกที ซึ่งเราหวังว่าข้อมูลทั้งหมดที่เรานำมาฝากเพื่อนๆ จะเป็นประโยชน์แก่เหล่านักช้อปปิ้งทั้งหลายไม่มากก็น้อย ใครไปช้อปปิ้งเกาหลี ช้อปปิ้งญี่ปุ่น หรือประเทศแห่งการช้อปปิ้งทั้งหลายก็คิดก่อนซื้อให้ดีนะ จะว่าไปถ้าคิดในแง่ดีพอมีกฎแบบนี้ก็ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าของเราไปได้เหมือนกัน

การเดินทาง
พักที่ไหนดี?