ยืนบนจุดสูงสุดของหน้าผาที่มีความสูง 200 เมตรที่แหลมกู๊ดโฮป แล้วคุณจะได้จินตนาการได้ถึงความกลัวที่กะลาสีเรือใหม่ต่างรู้สึกเมื่อออกท่องชายฝั่งบริเวณนี้และมุ่งหน้าไปยังอินเดีย มองลงมาข้างล่างแล้วจะเห็นคลื่นที่สาดกระทบกัน ทั้งยังมีกระแสคลื่น กระแสน้ำวนในมหาสมุทรด้วย ที่นี่เป็นสถานที่แสนตื่นเต้นที่คุณจะได้พบกับนกกระจอกเทศป่า ลิงบาบูนและม้าลายเจ้าถิ่น ยิ่งตอกย้ำความเป็นธรรมชาติของบริเวณนี้เข้าไปอีก ที่จริงแล้วแหลมนี้ไม่ได้อยู่ทางตอนใต้สุดของแอฟริกา แต่ว่าที่มาของชื่อนั้นมาจากคาบสมุทรที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ไปประมาณ 150 กิโลเมตร ถึงอย่างนั้น แหลมกู๊ดโฮปก็ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ คุณจะต้องอยากมาถ่ายรูปคู่กับป้ายไม้อันเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่แหลมนี้อยู่ทางทิศใต้ของเคปทาวน์ไปประมาณ 50 กิโลเมตร และการมาเยือนที่นี่จะทำให้ทริปของคุณพิเศษมากยิ่งขึ้น จากบริเวณจอดรถ คุณจะได้เดินมาตามทางลาดชัน ระยะทางสั้นๆ จนถึงประภาคารเก่าแก่ บนนี้คุณสามารถมองเห็นกระแสคลื่นของมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ได้อย่างชัดเจน ซึ่งก็เป็นใจกลางทะเลที่อยู่ระหว่างคุณและแอนตาร์กติกนั่นเอง ถ้าคุณไม่อยากเดิน ก็ลองขึ้นกระเช้าไฟฟ้า Flying Dutchman ที่จะพาคุณขึ้นไปข้างบนสุดได้เหมือนกัน สร้างความน่าจดจำให้กับทริปด้วยการทานอาหารที่ร้านอาหาร Two Oceans ระหว่างที่ทาน อย่าละสายตาไปจากมหาสมุทรเป็นอันขาด เพราะคุณจะได้เห็นวาฬอพยพพลผ่านจุดๆ นี้ วาฬหลังค่อม วาฬเซาเทิร์นไรท์และวาฬบรูด้ามีให้เห็นได้จากตรงนี้ในช่วงเวลาต่างๆ กันในแต่ละปี คนรักธรรมชาติจะต้องชอบที่นี่มาก เพราะจะได้เห็นนกหลายร้อยสายพันธุ์ และยังมีพืชและต้นไม้มากกว่า 1,100 สายพันธุ์ที่จะพบภายในอาณาเขตขนาด 190 เอเคอร์ (7,750 เฮกตาร์) ของแหลมแห่งนี้ และถ้าหากคุณเป็นคนชอบเดิน ต้องลองมาเดินป่าตามเส้นทางที่มีให้เลือกมากมาย ส่วนคนที่ชอบความเป็นมาเกี่ยวกับการเดินเรือ ลองออกเดินไปกับเส้นทาง Shipwreck Trail เพราะเส้นทางนี้จะพาคุณไปพบกับซากเรือ 26 ลำนั่นเอง แหลมกู๊ดโฮปเปิดให้เข้าชมทุกวันตลอดทั้งปี และจะเปิดให้บริการยาวนานกว่าปกติในช่วงฤดูร้อน มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชมเพียงเล็กน้อย