วัดอรุณเป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา หลังจากเที่ยวชมพระบรมมหาราชวังและวัดโพธิ์แล้ว ก็สามารถนั่งเรือข้ามฝั่งไปชมวัดอรุณต่อได้ภายในวันเดียวกัน อย่าลืมนั่งเรือข้ามฟากกลับมายังฝั่งท่าเตียนอีกครั้งในช่วงเย็นเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกดิน และเก็บภาพพระปรางค์วัดอรุณที่สวยสง่าตัดกับท้องฟ้าแต้มสีส้มแดงกลับไปเป็นที่ระลึก
แต่เดิม วัดอรุณเป็นวัดขนาดไม่ใหญ่นัก ชาวบ้านเรียกว่า วัดมะกอก เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีในปี 2310 จึงทรงให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดขึ้นใหม่เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ได้เสด็จมาถึงหน้าวัดนี้ตอนรุ่งแจ้ง จึงทรงเปลี่ยนชื่อจากวัดมะกอกเป็น "วัดแจ้ง" เพื่อเป็นนิมิตหมายอันดี เมื่อสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 เสด็จขึ้นครองราชย์ ทรงย้ายราชธานีมายังฝั่งรัตนโกสินทร์ และย้ายพระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่วัดพระแก้วแทน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ได้ทำการปฏิสังขรณ์วัดอรุณต่อจนเสร็จ และโปรดให้เสริมสร้างพระปรางค์หน้าวัดให้สูงขึ้นเพื่อเป็นศรีแก่พระนคร
องค์พระปรางค์ประดับประดาด้วยกระเบื้องเคลือบหลากสี เป็นลวดลายต่างๆ อย่างประณีตตระการตา เดินขึ้นไปตามขั้นบันไดของพระปรางค์เพื่อชมวิวในมุมสูงของวัด รวมถึงรายละเอียดความงดงามของสถาปัตยกรรมฝีมือช่างรัตนโกสินทร์อย่างใกล้ชิด ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก พระประธานที่รัชกาลที่ 2 ทรงปั้นพระพักตร์ขึ้นด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง ทั้งยังเป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ด้วย ผนังด้านในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังงดงามเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ
วัดอรุณเป็นวัดทางทิศตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยเก็บค่าเข้าชมสำหรับคนต่างชาติ สามารถนั่งเรือข้ามฟากจากท่าเตียนมาได้ โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที หากคุณเดินทางมาในช่วงเย็น อย่าลืมรอชมพระอาทิตย์ตกดินหลังพระปรางค์วัดอรุณทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ