ซานฟรานซิสโก

ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางของกระแสสวนทางวัฒนธรรมในยุคซิกซ์ตี้ แต่ในปัจจุบันซานฟรานซิสโกเป็นศูนย์รวมของผู้นำด้านเทคโนโลยีและเป็นแหล่งรวมบริษัทเกิดใหม่ แม้ตอนนี้จะไม่ได้เห็นแจนิส จอปลินหรือเกรตฟูลเด๊ดมาร้องเพลงกลางฝูงชนแน่นขนัดอีกแล้ว แต่บรรยากาศกันเองแบบชาวเสรีนิยมก็ยังคงอบอวล ในย่านธุรกิจของเมืองใครๆ ก็หันมาใส่แจ็คเก็ตผ้าขนแกะและรองเท้าเทนนิสแทนการใส่สูทผูกไทกันมาตั้งนานแล้ว

ซานฟรานซิสโกนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องย่านต่างๆ ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง นั่งเคเบิลคาร์ข้ามเนินเขาสูงชันของเมืองไปที่ Fisherman’s Wharf มาชิมซีฟู้ดสดๆ หรือซุปครีมหอยที่อร่อยเข้มข้น เดินเลือกซื้อหนังสือสไตล์โบฮีเมียนและดื่มด่ำกับเพลงย้อนยุคใน Haight-Ashbury ไปเดินช้อปปิ้งที่ยูเนียนสแควร์ให้จุใจ หรือจะไปเดินเล่นที่สะพานโกลเด้นเกตที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองก็ได้ แต่ต้องระวังหมวกปลิวสักนิด

เมืองนี้มีที่เที่ยวหลากหลายไม่ซ้ำกัน พอๆ กับอากาศที่เปลี่ยนแปลง สัมผัสความหลากหลายทางวัฒนธรรมของเมืองได้ที่ลิตเติลอิตาลีหรือเจแปนทาวน์ เดินเที่ยวไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ ทางชายทะเลฝั่งตะวันออกก็น่าไปเดินเล่นที่ Embarcadero ที่คุณสามารถรับประทานอาหารไปพร้อมกับชมวิวของอ่าว หรือจะเลือกซื้อผักผลไม้สดๆ ที่ตลาดของเกษตรกรก็ไม่ผิดกติกา เดินสำรวจความร่มรื่นของอุทยานโกลเด้นเกตที่กว้างถึง 1000 เอเคอร์ (405 เฮกตาร์) แล้วนั่งเฟอรี่ไปเที่ยวหมู่บ้านชายทะเลชื่อ Sausalito และอย่าลืมสวมแจ็คเก็ตไปด้วย เพราะที่ริมน้ำอาจมีอากาศเย็นได้แม้ในวันที่แดดสวย

ถ้าสนใจจะเปลี่ยนอารมณ์กันสักนิด มุ่งไปที่ท่าเรือ 33 และไปสนุกกับการทัวร์เกาะอัลคาทราซ รับฟังเรื่องราวจากประสบการณ์จริงที่สนุกตื่นเต้นในเรือนจำสุดโหดแห่งหนึ่งของโลก หรือจะเดินชมสถานที่และห้องคุมขังเก่า ทัวร์ที่นี่ได้รับความนิยมมาก เพราะฉะนั้นควรจองล่วงหน้าถ้าไม่อยากพลาด

อากาศในซานฟรานซิสโกเปลี่ยนแปลงได้ตลอดทุกช่วงเวลาของวัน และอาจไม่เหมือนกันในแต่ละย่าน ถ้าอยากรับแสงแดดสดใสตลอดวัน ควรมาเที่ยวในช่วงเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน ฤดูหนาวมีลมแรงและฝนตก แต่ราคาค่าที่พักจะคุ้มค่าเป็นพิเศษ เมืองนี้มีคนมาเที่ยวแน่นขนัดในช่วงฤดูร้อน เพื่อมาชมงานฉลองเช่น San Francisco Pride Celebration และขบวนพาเหรดปลายเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองความหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาทีเดียว