จากวัดทั้งหมดที่คุณจะเห็นในเกียวโต วัดพลับพลาทอง หรือวัดคินคะคุจิ อาจจะเป็นวัดที่วิจิตรตระการตาที่สุด ตัวอาคารสองชั้นบนของศาลาพลับพลาทองได้รับการปิดคลุมด้วยแผ่นทองคำ สะท้อนประกายระยับกับสระน้ำเบื้องล่าง ในฤดูร้อนพลับพลาทองจะสวยงามเจิดจรัสเมื่อต้องแสงแดด แต่ก็งดงามไม่แพ้กันเมื่อปกคลุมด้วยหิมะในฤดูหนาว ถึงแม้คุณจะเข้าไปชมภายในพลับพลาไม่ได้ แต่ก็สามารถมองเห็นรูปปั้นที่เก็บไว้ในชั้นล่างของอาคารผ่านทางหน้าต่างได้ วัดนี้เดิมเป็นที่ประทับของโชกุนอาชิคางะ และได้เปลี่ยนมาเป็นวัดนิกายเซ็นหลังจากโชกุนเสียชีวิตลงในศตวรรษที่ 15 ตัวพลับพลาทองได้รับความเสียหายและถูกทำลายหลายครั้ง แต่ก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ทุกครั้ง และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีพ.ศ. 2537 พลับพลาทองเป็นอาคารสามชั้น แต่ละชั้นสร้างขึ้นด้วยลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันไป ชั้นบนสุดได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมนิกายเซ็นแบบจีน และมีรูปหล่อนกทองคำอยู่บนยอดหลังคา ชั้นสองสร้างขึ้นตามแบบที่พักของซามูไร ส่วนชั้นล่างสะท้อนถึงลักษณะสถาปัตยกรรมของพระราชวังจากสมัยเฮอัน (พ.ศ. 1337-1728) ว่ากันว่า พลับพลาทองเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าด้วยสวนของที่นี่ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อเป็นที่ทำสมาธิของโชกุนอาชิคางะ และมีการสร้างเรือนน้ำชาขึ้นเพิ่มเติมในยุคเอโดะ (พ.ศ. 2146-2411) ทางเดินชมบริเวณรอบวัดมีรูปปั้นและศาลเจ้าที่ผู้มาเยือนนิยมโยนเหรียญเพื่อขอพรให้โชคดี ก่อนออกจากวัดพลับพลาทอง แวะสั่นระฆังที่ศาลเจ้าฟุโด และขอพรจากฟุโด เมียวโอะ เทพเจ้าแห่งไฟ และในบริเวณเดียวกันนี้ยังมีสวนขนาดเล็กให้คุณได้นั่งจิบชาและทานขนมหวาน วัดพลับพลาทองตั้งอยู่ทางเหนือของเกียวโต ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถประจำทางจากสถานีโตเกียว เปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยเก็บค่าผ่านประตู