ขณะนั่งเรือไปตามสายน้ำของแกรนด์คาแนล คุณก็จะพบกับเกาะซัน จอร์โจ มัจโจเร (San Giorgio Maggiore) อันสง่างามปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้า เกาะในเมืองเวนิสแห่งนี้เป็นที่ตั้งของโบสถ์ขนาดใหญ่ พร้อมกับสวนอยู่เบื้องหลังและท่าเรือเล็กๆ ทางด้านข้าง นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือนเวนิสสามารถชมส่วนหน้าของโบสถ์จากระยะไกลได้ที่อีกฟากหนึ่งของแกรนด์คาแนล แต่อย่าลืมใช้เวลามาเยี่ยมเยือนโบสถ์แห่งนี้เพื่อสัมผัสประสบการณ์อันไม่เหมือนใคร
อารามซัน จอร์โจ และ มหาวิหารแห่งซัน จอร์โจ มัจโจเร ก่อสร้างขึ้นมามากกว่าหนึ่งพันปีที่แล้ว และยังคงใช้การอยู่ในปัจจุบัน ลองสำรวจการตกแต่งอันสงบร่มเย็นภายในโบสถ์ ซึ่งได้รับการออกแบบในสมัยศตวรรษที่ 16 โดยสถาปนิกสมัยเรอเนซองส์ผู้ยิ่งใหญ่ อันเดรอา ปัลลาดีโอ ห้องต่างๆ ในมหาวิหารและอารามต่างเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และงานศิลปะมากมาย เช่น Adoration of the Shepherds โดยจาโกโป บัสซาโน และภาพวาดชิ้นสุดท้ายของตินโตเรตโต ในชื่อ Deposition เข้าเยี่ยมชมห้องสมุดของอารามเพื่อชมหนังสือที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย
ลองมองหา กัมปานีเล (หอระฆัง) ขนาดมหึมาที่สูงเสียดฟ้าที่บริเวณด้านหลังโดมขนาดใหญ่ของมหาวิหาร หอระฆังแห่งนี้มีลักษณะเหมือนกับหอระฆังที่จัตุรัสเซนต์มาร์คในใจกลางเมือง โดยมีความงดงามไม่แพ้กันแต่มีคิวรอเข้าชมน้อยกว่า ลองเดินขึ้นหอแห่งนี้เพื่อชมทิวทัศน์อันงดงาม นักท่องเที่ยวจะพบกับทิวทัศน์ 360 องศาของเมืองเวนิส ทะเลเอเดรียติก และอาจมองเห็นเทือกเขาแอลป์หากมีเมฆน้อย หอแห่งนี้มีลิฟต์สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเดินขึ้นสู่ยอดหอได้
อาคารและอารามต่างๆ มากมายตั้งอยู่เรียงรายห้อมล้อมมหาวิหารแห่งซัน จอร์โจ มัจโจเร อันเป็นศูนย์กลาง ลองพักค้างคืนในห้องพักสำหรับแขกของอารามเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์แบบเวนิสอย่างแท้จริง สัมผัสกับความเงียบสงบหลังจากที่นักท่องเที่ยวในยามกลางวันคนสุดท้ายออกจากอาราม และสัมผัสกับขนบธรรมเนียมอันเป็นเอกลักษณ์ของเกาะแห่งนี้ นักบวชคณะเบเนดิกตินที่นี่ยินดีต้อนรับแขกผู้มาเยือนมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 10
ชมการแสดงที่อัฒจันทร์ เตอาโตร แวร์เด (โรงละครสีเขียว) เพื่อสัมผัสประสบการณ์ของซัน จอร์โจ มัจโจเร อย่างครบถ้วน
นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมายังเกาะแห่งนี้ได้โดยใช้บริการเฟอร์รีข้ามฟากที่เรียกว่า “วาโปเรตโต” หรือแท็กซี่น้ำ