แม้ว่าพิพิธภัณฑ์จะมีการจัดแสดงรถถัง เครื่องบิน และอาวุธยุทโธปกรณ์มากมาย แต่สิ่งที่เน้นจริงๆ ก็คือผลกระทบของสงครามที่มีต่อตัวบุคคล ชมนิทรรศการนับพันที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปและหลายชีวิตที่ต้องสูญเสียหลังจากการสู้รบสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
แต่ก่อนที่คุณจะเดินเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้เข้าชมฟรีนี้ ให้ใช้เวลาสักสองสามนาทีสำรวจความงามด้านหน้าอาคารก่อน ตัวอาคารที่หุ้มด้วยอะลูมิเนียมหลังนี้ออกแบบโดยแดเนียล ลิเบอร์สกินด์ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงแก่นแท้และผลกระทบจากสงคราม เหลี่ยมมุมที่ยื่นออกมาสามด้านนั้นสื่อถึงดิน อากาศ และน้ำบนผืนโลกในจินตนาการที่ได้รับความเสียหายย่อยยับจากสงคราม
เริ่มสำรวจในพื้นที่นิทรรศการหลักบนชั้นหนึ่ง ที่นี่ คุณจะได้พบกับปืนใหญ่ที่ใช้ยิงกระสุนนัดแรกของกองทัพอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และยังจะได้เห็นชิ้นส่วนโลหะขนาด 23 ฟุต (7 เมตร) ที่กู้มาได้จากจุดที่เกิดเหตุการณ์ 9/11 อีกด้วย ก้าวเข้าไปในพื้นที่กึ่งปิดที่เรียกว่า “ไซโล” ซึ่งใช้เป็นที่จัดนิทรรศการชั่วคราว
ชมเข็มทิศซึ่งประกอบขึ้นจากซากนาฬิกา ชิ้นส่วนเครื่องเล่นแผ่นเสียง กระดาษลัง และใบมีดโกน เข็มทิศนี้ใช้ในการหลบหนีอันโด่งดังจากแคมป์เชลยสงครามของเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
อยู่ในห้องโถงต่อเพื่อดูการแสดงที่ชื่อบิ๊กพิคเจอร์โชว์ จะมีการหรี่ไฟลง พร้อมฉายภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหวบนจอขนาดยักษ์ การฉายภาพวิดีทัศน์แบบ 360 องศานี้จะทำให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามแต่ละคน จะมีการฉายเนื้อหาที่แตกต่างกันเป็นประจำ
ก่อนจะออกไป ให้ขึ้นบันไดหรือลิฟต์ไปยังจุดชมวิวแอร์ชาร์ด ส่วนทาวเวอร์สูง 180 ฟุต (55 เมตร) นี้สื่อถึงอากาศ และเป็นจุดเด่นของทัศนียภาพขอบฟ้าของเมืองแมนเชสเตอร์ ชมวิวมุมสูงของบริเวณท่าเรือและลำคลอง มองลงไปตามทางเดินสะพานเหล็กเบื้องล่างก็จะเห็นไฟสปอตไลท์สำหรับต่อสู้อากาศยานที่ส่องขึ้นไปบนท้องฟ้า
พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บนริมฝั่งคลองแมนเชสเตอร์ชิพบริเวณท่าเรือซัลฟอร์ด สามารถเดินทางมาได้สะดวกจากตัวเมืองด้วยระบบขนส่งมวลชน หากขับรถมา ก็มีที่จอดให้บริการภายในพิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑ์สงครามจักวรรดิเปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันที่ 24, 25 และ 26 ธันวาคม