Dubai Creek คือเวิ้งน้ำทะเลธรรมชาติจากอ่าวเปอร์เซียที่แบ่งเมืองออกเป็นสองส่วน ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือคือ Deira Dubai และทางด้านตะวันตกเฉียงใต้คือ Bur Dubai ทางน้ำแห่งนี้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของดูไบ โดยเริ่มแรกคือช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่การค้ากับอินเดียและแอฟริกา และเป็นท่าเรือที่ปลอดภัยสำหรับเรือค้าขาย มีหลายวิธีในการสำรวจเวิ้งน้ำแห่งนี้ ล่องไปตามทางน้ำในรูปแบบดั้งเดิมใน abra หรือเรือจ้าง เรือไม้ติดเครื่องยนต์ขนาดเล็กเหล่านี้เป็นวิธีการเดินทางราคาถูกและเป็นหนทางที่คนทำงานจำนวนมากใช้ในการเดินทางจากด้านหนึ่งของเวิ้งน้ำไปยังอีกด้านหนึ่ง คุณจะเห็นสถานี abra โดยเฉพาะที่ตำแหน่งต่าง ๆ ตามทางน้ำ โดยมีเรือออกจากท่าทุก ๆ สองสามนาทีในทุกวันของสัปดาห์ โดยทั่วไป เรือจะออกเมื่อมีผู้โดยสารประมาณ 20 คน ไม่มีการใช้ตั๋ว เพียงคุณจ่ายค่าโดยสารบนเรือเท่านั้น คุณยังสามารถเช่าเหมาเรือ abra สำหรับตัวคุณเองได้ อีกวิธีหนึ่งในการชมเวิ้งน้ำคือบนเรือ dhow แบบดั้งเดิม คุณสามารถหาเรือท่องเที่ยวเหล่านี้ได้ที่ฝั่ง Deira ซึ่งนำเสนอการล่องเรือในเวลากลางวันและเวลากลางคืนเฝ้าดูกิจกรรมแต่ละวันบนเวิ้งน้ำในขณะที่ผู้คนขึ้นและลงจากเรือ abras เรือยอชต์ และเรือสมัยใหม่ อย่าลืมนำกล้องติดตัวคุณไปด้วย เพราะเส้นขอบฟ้าของเมืองดูสวยงามมากจากพื้นที่ริมฝั่งน้ำ โดยเฉพาะเมื่ออาคารต่าง ๆ ถูกอาบด้วยแสงอาทิตย์อันเจิดจ้า ให้สังเกตความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมที่เห็นได้เด่นชัดระหว่างสองฟากฝั่งของเวิ้งน้ำ ฝั่ง Bur Dubai คือส่วนที่เก่าแก่กว่าของเมือง ซึ่งมีสถาปัตยกรรมแบบตะวันออกกลางดั้งเดิม Deira Dubai มีความทันสมัยมากกว่าและเป็นที่ตั้งของตึกระฟ้าจำนวนมากสำรวจพื้นที่ด้วยการเดินไปตามบริเวณพื้นที่สำหรับเดินเล่น ทางเดินปูพื้นสวยงามเหล่านี้จะมีแสงสว่างในเวลากลางคืน ทำให้สามารถเดินทอดน่องในยามค่ำคืนได้อย่างเพลิดเพลิน ที่ปลายด้านบนของเวิ้งน้ำคือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Ras Al Khor พื้นที่นี้ครอบคลุมเนื้อที่ 1,532 เอเคอร์ (620 เฮกตาร์) ของพื้นที่ชุ่มน้ำ หาดโคลน ทะเลสาบ และหนองน้ำ ที่นี่ คุณอาจจะได้เห็นนกน้ำหลายสายพันธุ์ รวมถึงนกหัวโต นกปากยาวและโค้ง และนกนางนวล