เกี่ยวกับอลาสก้า
รัฐอลาสก้าอยู่ทางเหนือสุดของสหรัฐอเมริกา ห่างจากรัสเซียประมาณ 80 กิโลเมตร รัสเซียขายอลาสก้าให้กับสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1867 และได้รับการจัดตั้งให้เป็นรัฐที่ 49 อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1959 จูโน (Juneau) เป็นเมืองหลวงของอลาสก้า ส่วนแองเคอเรจ (Anchorage) เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุด และเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติ เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังอลาสก้า การเดินทางจึงทำได้โดยเที่ยวบินต่อเนื่องจากกรุงเทพฯ ไปยังสนามบินใดสนามหนึ่งที่มีเที่ยวบินต่อไปยังอลาสก้า
ห้ามพลาด
อลาสก้ามีฤดูกาล 2 ฤดูคือ ฤดูหนาว (เดือนกันยายน-เดือนเมษายน) และฤดูร้อน (เดือนพฤษภาคม-เดือนสิงหาคม) ระหว่างเดือนธันวาคม-เดือนมีนาคมเป็นช่วงที่หนาวที่สุด อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ -50 องศาเซลเซียสในแองเคอเรจ และประมาณ 0 องศาเซลเซียสในจูโน ฤดูหนาวเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการชมแสงเหนือ (Northern Lights) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีแสงสีต่างๆ พาดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืน ฤดูร้อนจะมีแสงแดดเกือบตลอดวัน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 24 องศาเซลเซียสในแองเคอเรจ และประมาณ 18 องศาเซลเซียสในจูโน ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาของเทศกาลดนตรีซึ่งมีให้เลือกทั้งในแองเคอเรจ จูโน และเมืองอื่นๆ ในรัฐ
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในแองเคอเรจได้แก่ พิพิธภัณฑ์ซึ่งมีไม่น้อยกว่า 6 แห่ง สวนสัตว์ (Anchorage Zoo) และศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าอลาสก้า (Alaska Wildlife Conservation Centre) ทั้งสองแห่งมีสัตว์ป่านานาชนิด ทั้งหมี กวางมูส อินทรีย์หัวขาว และสัตว์พื้นเมืองอื่นๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในแฟร์แบงค์ (Fairbanks) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของอลาสก้าคือ การแสดงแสงเหนือที่พิพิธภัณฑ์ในมหาวิทยาลัยอลาสก้า (University of Alaska) สวนสาธารณะไพโอเนียร์ (Pioneer Park) ซึ่งภายในมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ ของอลาสก้าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน น้ำพุร้อนเชนา (Chena Hot Springs) และเขตอนุรักษ์นกน้ำ (Creamer's Field) ทางตอนใต้ของอลาสก้าเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติแคตไม (Katmai National Park) ตั้งชื่อตามภูเขาไฟแคตไมซึ่งปะทุครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 1927 อุทยานแห่งนี้ได้รับความนิยมสำหรับการชมหมีสีน้ำตาล ซึ่งมักจะออกมาจับปลาแซลมอนตามแหล่งน้ำต่างๆ เช่น ลำธาร หรือน้ำตก
ร้านอาหารและบาร์
อาหารที่ขึ้นชื่อคือ ไส้กรอกเนื้อกวางเรนเดียร์ และปูอลาสก้า ร้านอาหารในอลาสก้ามีลักษณะคล้ายคลึงกับร้านอาหารอเมริกันทั่วไป แตกต่างกันที่ร้านอาหารในอลาสก้าจะมีราคาแพงกว่า เบียร์อลาสก้าเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมทั้งในอลาสก้าและทั่วสหรัฐอเมริกา แหล่งบันเทิงยามค่ำคืนจะมีบริการในเมืองหลักต่างๆ เช่น แองเคอเรจ แฟร์แบงค์ และจูโน
กิจกรรม
ยอดเขาที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนือคือ ยอดเขาเดนาลี (Mount Denali) ตั้งอยู่ตอนกลางของอลาสก้า มีความสูงประมาณ 6,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล การปีนขึ้นสู่ยอดเขาเดนาลีใช้เวลาประมาณ 2-4 อาทิตย์ ธารน้ำแข็งเมนเดนฮอลล์ (Mendenhall Glacier) ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจูโน ห่างไปประมาณ 19 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเดินป่าที่มีชื่อเสียง มีความยาวประมาณ 22 กิโลเมตร แต่ละปีที่นี่ดึงดูดนักเดินป่าจากทั่วโลกกว่า 500,000 คน กิจกรรมยอดนิยมในฤดูหนาวได้แก่ การชมแสงเหนือ และการนั่งรถสุนัขลากเลื่อน
ช้อปปิ้ง
เนื่องจากอลาสก้าตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ทำให้สินค้าและอาหารมีราคาแพงกว่ารัฐอื่นๆ ของฝากจากอลาสก้าที่ได้รับความนิยมได้แก่ มีดของชาวเอสกิโม และหินแกะสลักของชาวเอสกิโม ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านแกลเลอรีและตลาดในท้องถิ่น ร้านค้าขนาดใหญ่ในเมืองต่างๆ ส่วนมากจำหน่ายสินค้าเช่นเดียวกับร้านค้าทั่วสหรัฐอเมริกา