กิจกรรมในOberkraemer

Alexanderplatz เป็นศูนย์กลางของผู้เดินทางสัญจรและการขนส่ง รวมทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่แหล่งช้อปปิ้งชั้นสูงไปจนถึงจุดชมเมืองมุมกว้าง ชื่อของจัตุรัสแห่งนี้ตั้งชื่อตามพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย ต่อมาก็กลายเป็นศูนย์กลางของเยอรมนีตะวันออกในช่วงสงครามเย็น ปัจจุบัน "Alex" ได้รวบรวมความหรูหราจากทั่วทุกสารทิศมาไว้ในใจกลางมหานครฝั่งตะวันตก

มุ่งหน้าสู่ถนนที่เลื่องชื่อของชาร์ลอตเทนบวร์กเพื่อสัมผัสกับกลิ่นอายของเบอร์ลินเก่าที่แฝงไปด้วยสไตล์เมืองแบบยุโรปสมัยใหม่ ถนนคูร์เฟอร์สเทนดัมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์นี้เป็นหนึ่งในถนนเก่าแก่ที่สุด ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเส้นทางไปยังที่พักสำหรับล่าสัตว์ที่มีชื่อเสียงในแถบชานเมือง ปัจจุบัน ถนนคูร์เฟอร์สเทนดัมหรือคูร์ดัมม์ซึ่งเป็นชื่อที่คนในท้องถิ่นเรียกขานกัน เรียงรายไปด้วยร้านบูติกสุดพิเศษ ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และโรงแรมสุดหรูมากมาย และหากเดินไปจนถึงสุดฝั่งถนนด้านทิศตะวันออกจะพบกับอนุสรณ์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหตุระเบิดที่เบอร์ลินในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

สวนสัตว์เบอร์ลินหรือ Zoologischer Garten ในภาษาเยอรมันครอบคลุมพื้นที่ 84 เอเคอร์ (34 เฮกตาร์) ในสวนสาธารณะ Tiergarten กลางเมือง สวนสัตว์แห่งนี้เปิดทำการในปี 1844 และถูกทำลายเกือบหมดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันเป็นอุทยานทางสัตววิทยาที่สำคัญของยุโรป และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เกือบ 18,000 ตัวจาก 1,500 ชนิด นอกจากนี้ยังมีสัตว์ชื่อดังมากมายของสวนสัตว์แห่งนี้คอยดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเที่ยวชมด้วย สวนสัตว์แห่งนี้มีหมีขั้วโลกชื่อว่า Knut เคยเป็นดาราโด่งดังระดับโลกเมื่อสองสามปีก่อน เป็นที่รักใคร่ของผู้คนจนได้ปรากฏตัวบนโฆษณาสินค้าและหน้าจอทีวีก่อนที่จะจากโลกนี้ไปอย่างน่าเศร้าในปี 2011

Potsdamer Platz เป็นจัตุรัสที่บอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกในยามที่เมืองกลับสู่สภาพเดิม Potsdamer Platz (Potsdam Square) กลายเป็นเขตไร้ผู้คนอาศัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนที่เบอร์ลินถูกแบ่งขั้วการเมืองออกเป็นสองฝ่าย บริเวณที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสี่แยกจราจรที่สับสนวุ่นวายที่สุดในยุโรปแห่งนี้จึงได้เข้าไปมีส่วนพัวพันกับเบอร์ลินตะวันออกและเบอร์ลินตะวันตกทันที เมื่อกำแพงถูกทลายลง เมืองที่รวมตัวใหม่ก็ได้หมดสภาพเกินกว่าที่จะกลับไปเป็นจัตุรัสที่เคยรุ่งเรืองเมื่อครั้งอดีต หลังจากที่จัดการแข่งขันออกแบบ ย่านนี้ทั้งหมดก็กลายเป็นแหล่งที่ตั้งของตึกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น สำนักงานใหญ่ของบริษัทต่างๆ ย่านพักอาศัย ช้อปปิ้งพลาซ่า โรงภาพยนตร์และพื้นที่สาธารณะ ที่สำคัญที่สุดคือจัตุรัสแห่งนี้ได้สร้างสายใยเชื่อมโยงระหว่างเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยถูกแบ่งแยกออกจากกัน

ประวัติของประตูบรันเดนบูร์ก - ซุ้มประตูขนาดใหญ่แบบนีโอคลาสสิกทำจากหินทราย - เป็นจุดเชื่อมโยงทางประวัติศาสตร์ของเบอร์ลินและเยอรมันที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้ ซุ้มประตูแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1791 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้เป็นทางเข้าสู่ Unter den Linden ซึ่งเป็นถนนที่ใหญ่ที่สุดในเบอร์ลิน แต่เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ประตูบรันเดนบูร์กที่ตั้งตระหง่านด้วยความสูง 85 ฟุต (30 เมตร) เป็นประตูจำลองแบบมาจากวิหาร Acropolis ในเอเธนส์ ตอนนโปเลียนชนะปรัสเซียได้ในปี 1806 ก็ยาตราทัพอย่างมีชัยผ่านประตูแห่งนี้เข้ามาในเบอร์ลิน ก่อนที่จะนำรูปปั้นเทพีแห่งชัยชนะนามว่า Victoria ซึ่งประดับอยู่บนยอดประตูกลับไปยังฝรั่งเศสในฐานะสมบัติที่แย่งชิงมาจากสงคราม ภายหลังรูปปั้น Victoria ได้กลับมากุมบังเหียนรถม้าศึกบนยอดประตูแห่งนี้อีกครั้ง