เดิมประเทศอิสราเอลตั้งขึ้นเพื่อเป็นชุมชนชาวยิว แต่ในปัจจุบัน สถานที่ทางศาสนาต่างๆ ที่นี่ก็ยังได้ดึงดูดผู้แสวงบุญที่ไม่ชาวยิวให้มาเยือน เช่น ชาวคริสต์และชาวมุสลิม เป็นต้น ชมสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่อยู่กลางใจเมือง แล้วผ่อนคลายด้วยการแวะไปที่ทะเลเดดซี และชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ศูนย์กลางของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ คือกรุงเยรูซาเลม นักแสวงบุญทั้งชาวยิวและมุสลิมต่างพากันมาที่วิหารโดมทองแห่งเยรูซาเลม ทรงแปดเหลี่ยม ซึ่งเป็นศาสนสถานของชาวมุสลิมและชาวยิว ตามผู้คนไปที่ศาสนสถานชาวยิวอีกแห่งที่อยู่ใกล้กับกำแพงตะวันตก ซึ่งก็คือซากวัดโบราณที่สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษแรกก่อนคริสตกาล เมืองเยรูซาเลมมีโบสถ์ Church of the Holy Sepulchre ซึ่งชาวคริสต์เชื่อกันว่าพระเยซูถูกตรึงกางเขนและฝังไว้ที่นี่ ก่อนที่จะฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาอีกครั้งเมืองนาซาเรธและเบธเลแฮมก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาอีกหลายแห่งเช่นกัน
ในขณะที่เมืองเยรูซาเลมเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อการยกระดับจิตวิญญาณ ทะเลเดดซีก็ถือเป็นสถานที่ผ่อนคลายทางร่างกาย โคลนและน้ำของทะเลที่มีความเค็มที่สุดแห่งหนึ่งของโลกนี้สามารถช่วยเรื่องผิวพรรณ ลอยตัวบนน้ำเค็มแล้วทาโคลนลงบนผิว จากนั้นก็เที่ยวชมพื้นที่รอบๆ เช่น Ein Bokek และเมืองรีสอร์ตอื่นๆ เข้าสปาหรือซื้อเกลือสดๆ จากทะเลเดดซีติดมือกลับไปด้วย
ต่อจากนั้น เดินทางไปที่เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิสราเอลอย่างเทลอาวิฟ เมืองที่มีความทันสมัย เต็มไปด้วยตึกสูงและมีคอนโดริมทะเลตั้งตลอดชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน ชมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ในเขตท่าเรือเก่าจาฟฟา ใช้เวลาสักวันที่หาดกอร์ดอน จิบเครื่องดื่มที่บาร์เกย์บนถนน Shenkin แล้วแดนซ์กระจายที่ไนต์คลับสักแห่งในเทลอาวิฟ
อิสราเอลมักมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในเมืองเนื่องจากปัญหาเรื่องพรมแดนฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์กับปาเลสไตน์ เพื่อความปลอดภัย ควรอยู่ให้ห่างจากบริเวณที่พิพาทและพื้นที่รอบๆ ตลอดจนตรวจสอบข่าวสารเป็นระยะก่อนมาเที่ยว
นั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบิน Gurion Airport ในใจกลางประเทศอิสราเอลเพื่อเริ่มต้นการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้