ภูเขา Camelback นั้นมีลักษณะคล้ายกับอูฐที่กำลังนั่งพักอยู่ในทะเลทรายโซนอรัน ส่วน "หัว" อูฐเกิดจากหินทรายแดง ส่วน "โหนก" อูฐซึ่งเป็นยอดภูเขาเป็นการก่อตัวของหินแกรนิตที่มีความสูง 824 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งทำให้ภูเขา Camelback เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในฟินิกซ์และมีวิวแบบพาโนรามาที่สวยที่สุดในแอริโซนาด้วย ลองใช้เวลาครึ่งวันเพื่อเดินเล่นหรือแม้แต่ปีนเขาไปตามเส้นทางต่างๆ ที่นี่
เป็นเวลาหลายล้านปีมาแล้วที่ดินแดนขนาดใหญ่แถบนี้อยู่อย่างแห้งแล้ง จนกระทั่งกลุ่มคนชาว Hohokam ก็ได้เข้ามาตั้งหลักอาศัยอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 1 แต่พวกเขาก็ละถิ่นฐานเมื่อประมาณ 1,450 ปีถัดมา แต่ไม่มีใครทราบเหตุผลว่าทำไม นอกจากนี้ พวกเขายังทิ้งหลักฐานเป็นถ้ำที่ใช้ประกอบพิธีกรรมไว้ด้วย จึงทำให้ภูเขา Camelback มีชื่อเรียกที่ชาวบ้านรู้จักกันดีว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Mountain) ทุกวันนี้ในแต่ละปีจะมีนักปีนเขาหลายร้อยหลายพันคนได้แวะเวียนเข้ามาปีนเส้นทางลาดชันของภูเขานี้
หากจะขึ้นไปให้ถึงยอดนั้น คุณจะต้องเดินขึ้นจาก Echo Canyon ด้านล่าง มีความสูงประมาณ 365 เมตร บางช่วงเป็นทางเดินแคบและชัน รวมถึงมีพื้นผิวขรุขระ ยิ่งทำให้เดินยากมากขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน เส้นทาง Echo Canyon Summit Trail นั้นมีระยะทางไป-กลับ ประมาณ 3.7 กิโลเมตร เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ต้องใช้พลังในการเดินมาก ส่วนเส้นทาง Cholla Trail นั้น มีระยะทางไกลกว่าและต้องค่อยๆ เดินไปทีละนิด แต่ตอนท้ายจะมีทางไปบรรจบกับช่วงลาดชันของเส้นทาง Summit Trail แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็คุ้มค่ากับการได้มอบเห็นวิวแบบ 360 องศาของ Valley of the Sun รวมแล้วการเดินขึ้นและลงเขาน่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ควรระวังงูและหินแหลมคมด้วย แนะนำให้สวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมและเตรียมน้ำดื่มให้เพียงพอเก็บไว้ในเป้สะพายหลัง เพราะการปีนจะต้องใช้แขนทั้งสองข้าง
นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางการปีนเขาที่น่าสนใจอีกมาก หลังจากที่เดินชมวิวสวยๆ ให้ผ่อนคลายแล้ว ลองมาเดินเล่นกับเส้นทางข้างล่างบริเวณฐานภูเขา Camelback มีบริเวณที่เต็มไปด้วยกระบองเพชร ดอกไม้ป่าและสวนป่าจำพวกไลเคนด้วย รวมถึงหินรูปร่างต่างๆ ที่ผ่านการกัดเซาะและกัดกร่อนเมื่อหลายพันปีมาแล้ว
ภูเขา Camelback อยู่ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 25 นาทีโดยการขับรถ ควรจะมาถึงแต่เช้า เพราะว่าที่จอดรถบริเวณด้านฐานเขามีจำนวนจำกัด
หมายเหตุ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2013 มีการปรับปรุงพื้นที่บริเวณเส้นทาง Summit Trail, บริเวณพักผ่อน Echo Canyon Recreation Area รวมถึงจุดจอดรถและห้องน้ำเพื่อให้เดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้นในอนาคต แต่ก็อาจจะมีการปิดเส้นทางบางส่วนเป็นเวลานานด้วยเช่นกัน