แม้จะไม่รวมยอดเขาที่เคยทำให้ภูเขาลูกนี้เป็นภูเขาที่สุดอันดับ 5 ของอเมริกา Mount St. Helens ก็ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ การปะทุที่รุนแรงเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 1980 ทำให้ความสูงของภูเขาไฟที่ยังไม่ดับแห่งนี้เตี้ยลงไป 400 เมตร และปัจจุบันมีความสูงอยู่ที่ 2,550 เมตร แม้จะมีก๊าซและหินจากการปะทุครั้งก่อนหลงเหลืออยู่ในบริเวณรอบ ๆ แต่พืชและสัตว์ก็กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง และระบบนิเวศก็กำลังค่อย ๆ กลับมาฟื้นตัวเช่นกัน
ที่ Mount St. Helens นั้น มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 2 จุด ที่ Silver Lake Visitor Center คุณสามารถชมวิดีโอยาว 16 นาที ที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปะทุของภูเขาไฟ หากเดินต่อมาตามทาง คุณจะพบกับ Forest Learning Center ซึ่งจะให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมซึ่งจัดทำขึ้นมาเป็นเวลาหลายทศวรรษตั้งแต่เกิดการระเบิดในปี 1980 ที่นี่เป็นที่ที่เหมาะสำหรับการชมกวางที่มักจะออกมาเดินอวดโฉมอยู่ในธรรมชาติ
คุณสามารถมองเห็นภูเขาไฟได้จากศูนย์ทั้งสองจุด แต่วิวที่ดีที่สุดคือ Johnston Ridge Observatory ซึ่งเป็นใจกลางของการระเบิด คุณจะมองเห็นปล่องภูเขาไฟได้อย่างชัดเจน หรือถ้าอยากชมวิวจากมุมสูง ก็นั่งเฮลิคอปเตอร์ชมได้ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบางแห่งอาจมีการเก็บค่าเข้าชมและปิดในช่วงฤดูหนาว
นักเดินป่าควรใช้โอกาสนี้เดินรอบ ๆ Coldwater Lake หรือถ้ากล้าพอ คุณสามารถเดินขึ้นตัวภูเขาไฟได้ แต่คุณจำเป็นต้องได้รับอนุญาตก่อน เพราะมีการจำกัดผู้เข้าเพียง 100 คนต่อวันเท่านั้น
คุณสามารถจัดเดย์ทริปจากพอร์ตแลนด์หรือหากอยากอยู่ต่อก็มีแค้มป์ให้พักที่ Seaquest State Park ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบ Silver Lake เปิดให้บริการตลอดทั้งปี เดินป่าหรือปั่นจักรยานไปในป่า คุณอาจจะได้พบกับกวาง เหยี่ยว นกหัวขวาน หรืออาจจะหมาป่าและหมีด้วยก็ได้