ในบรรดาสถานที่ที่น่าสนใจที่ได้รับความนิยมทั้งหลายในเมืองพลิมัธนั้น อนุสรณ์สถานแห่งชาติของเหล่าบรรพชน มักถือเป็นสถานที่ลับพิเศษประจำเมืองที่เต็มไปด้วยอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์มากมาย ประติมากรรมนี้ใช้เวลากว่า 69 ปีกว่าจะแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างหินแกรนิตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ประติมากรรมที่สูง 25 เมตรนี้อาจสูงกว่านี้ถึงสองเท่าหากไม่เกิดสงครามกลางเมืองที่ดึงงบประมาณออกไป
ก้าวถอยหลังและชื่นชมความตระการตาของ Faith ซึ่งเป็นประติมากรรมหลักตรงกลางอนุสาวรีย์ Faith หรือความศรัทธามักถือกันว่าเป็นแรงจูงใจหลักของผู้แสวงบุญที่ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกและเดินทางมายังโลกใหม่นี้
คำนึงถึงคุณค่าที่ประติมากรรมทั้งสี่นั้นแสดงออกมา Morality หรือศีลธรรม แสดงอยู่ในรูปสตรีที่ถือบัญญัติสิบประการในมือซ้าย และคัมภีร์วิวรณ์ในมือขวา Education หรือการศึกษา แสดงอยู่ในรูปสตรีที่วางหนังสือไว้บนตัก โดยมีรูปสลักคนทางด้านขวาและซ้ายแสดงถึง Wisdom (ปัญญา) และ Youth (ความเยาว์วัย) Law หรือกฎหมาย แสดงอยู่ในรูปบุรุษพร้อมหนังสือ โดยที่ฐานเก้าอี้ประกอบด้วย Justice (ความยุติธรรม) และ Mercy (ความปราณี) Liberty หรือเสรีภาพ แสดงอยู่ในรูปบุรุษในชุดออกศึกที่กำดาบและโซ่ที่ขาดไว้ โดยที่ฐานประกอบด้วย Peace (สันติภาพ) และ Tyranny (ทรราชย์)
ในรูปนูนต่ำประกอบด้วยฉากแสดงสี่ฉากที่แสดงถึงการเดินทางของผู้แสวงบุญมายังโลกใหม่ เมื่อเข้าใกล้อนุสาวรีย์ จะสามารถอ่านคำอุทิศที่จารึกไว้ที่ฐานของประติมากรรม โดยแปลได้ว่า “สร้างโดยผู้มีจิตสำนึกเพื่อรำลึกถึงความเหนื่อยยาก ความเสียสละ และความทุกข์ทรมานของเหล่าบรรพชนเพื่ออุดมการณ์เสรีภาพแห่งพลเมืองและศาสนา” ถัดจากคำอุทิศคือแผ่นจารึกรายนามผู้โดยสารเรือเมย์ฟลาวเวอร์ หากคุณเคยขึ้นชมเรือเมย์ฟลาวเวอร์ ทูแล้ว คุณจะทราบดีถึงความเหนื่อยยากและความเสียสละของผู้แสวงบุญที่ตัดสินใจขึ้นเรือที่มีขนาดเล็กมาก และมุ่งหน้าสู่อนาคตที่ไม่แน่นอน
สามารถจอดรถใกล้กับอนุสาวรีย์ หรือเดินสบายๆ จากท่าเรือผ่านย่านที่อยู่อาศัยของเมืองพลิมัธ รำลึกถึงสัญลักษณ์อันทรงพลังของการก่อตั้งประเทศอเมริกาขณะเดินเล่นท่ามกลางทิวทัศน์ที่งดงามของนิวอิงแลนด์