มัสยิดอัลจาซาร์เป็นสิ่งปลูกสร้างทางศาสนาจากศตวรรษที่ 18 ซึ่งให้ความรู้ความเข้าใจในประเพณีและลักษณะสถาปัตยกรรมของออตโตมัน มัสยิดมหึมาหลังนี้เป็นมัสยิดนอกกรุงเยรูซาเล็มที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของอิสราเอล ทำให้เป็นภาพที่มิอาจลบเลือนได้บนเส้นขอบฟ้าของเมืองอาเกร ชื่นชมหออะซานสูงที่ตั้งตระหง่านจากด้านหลังของหลังคาโดมสีเขียวขนาดใหญ่ที่ครอบสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้
ถ่ายภาพมัสยิดที่แสดงให้เห็นลักษณะผสมผสานของไบแซนไทน์และเปอร์เซีย บริเวณฐานเป็นที่ตั้งของเสารายที่นำไปสู่ลานโล่ง สำรวจคำจารึกภาษาอาหรับที่แกะสลักเหนือประตูใหญ่ ซึ่งเผยให้ทราบว่ามัสยิดก่อสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1781
เข้าไปในอาคาร และชื่นชมลวดลายเรขาคณิตและข้อความจากพระคัมภีร์ภาษาอาหรับที่ประดับผนัง การตกแต่งภายในที่วิจิตรอลังการประกอบด้วยพรมแดง เสาหลักแคบ และโคมไฟระย้าที่หรูหรา สำรวจแท่นเทศน์ของอิสลามและมิหร็อบบาโรกที่หันไปทางเมกกะ โปรดทราบว่ามัสยิดมีโบราณวัตถุทางศาสนาที่เรียกว่าชาร์อันนบี (Sha’r an-Nabi) ที่อ้างว่าเป็นปอยหนวดเคราของท่านนบีมุฮัมมัด
พิจารณาประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งของอาคารทางศาสนาแห่งนี้ ซึ่งก่อสร้างทับโบสถ์เก่า ที่นี่เคยเรียกกันว่ามัสยิดแห่งแสงสว่าง
สถานที่แห่งนี้ได้ชื่อมาจากผู้ปกครองเมืองอาเกรสมัยศตวรรษที่ 18 นามว่าอาหมัด ปาชา อัลจาซาร์ ผู้ได้รับการขนานนามว่านักฆ่า จากความโหดเหี้ยมของเขา มาดูตำแหน่งข้างๆ มัสยิดที่ฝังศพอัลจาซาร์ อนุสาวรีย์บรรจุศพและสุสานเล็กๆ นี้ ยังบรรจุศพญาติของเขาอีกด้วย รวมทั้งสุไลยมาน ปาชา ผู้สืบทอดอำนาจและบุตรบุญธรรมของเขา
มัสยิดเปิดทุกวันจากเช้าจนถึงเย็น โดยมีการพักสวดมนตร์เป็นครั้งคราว ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมต้องเสียค่าเข้าชม และสตรีต้องสวมผ้าคลุมศีรษะ
มัสยิดอัลจาซาร์ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเขตเมืองเก่าทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอาเกร ขึ้นรถประจำทางไปยังป้ายใกล้ๆ แล้วเดินเที่ยวในบริเวณนี้ มาดูสถานที่โดดเด่นบางแห่งของพื้นที่ เช่น โรงอาบน้ำตุรกีฮามัม อัลบาชา (Hamam al-Basha) โรงพักแรมโบราณข่านอัลอุมดาน (Khan al-Umdan) และอุโมงค์เทมพลาร์
