ยืนประจันหน้ากำแพงโบราณ Gortyna เพื่อชมภาพจารึกอักษรเกี่ยวกับกฏหมายของเมือง แวะชมซากปรักหักพังของอะโครโพลิสและตื่นตาไปกับรูปปั้น เสาหินและอนุสาวรีย์ที่ถูกค้นพบที่นี่หลังจากผ่านไปหลายพันปี ศึกษาเกี่ยวกับบทบาทของเมืองในเทพปกรณัมกรีกและแวะชมต้นมะเดื่อชื่อดังที่กล่าวกันว่าเทพซุสเคยมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับหญิงคนหนึ่ง อย่าพลาดชมโบสถ์ St. Titus อันเป็นพันธสัญญาสำหรับยุคที่มีคริสตศาสนิกชนใน Gortyna
ด้วยพื้นที่ 1.5 ตารางไมล์ (4 ตารางกิโลเมตร) ทำให้ Gortyna เป็นโบราณสถานที่ใหญ่ที่สุดในเกาะครีตและเป็นสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศกรีซเลยทีเดียว นักประวัติศาสตร์ประเมินช่วงเวลาการยึดครองพื้นที่แห่งนี้ในยุคแรกสุดไว้ที่ประมาณ 3000 ปีก่อนคริสต์ศักราช หลักฐานแสดงให้เห็นว่าช่วง 1600 ปีก่อนคริสต์ศักราช ที่นี่เคยเป็นชุมชน Minoan ที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อน เนื่องจากแหล่งขุดค้นทางโบราณคดีที่สำคัญแห่งแรกเกิดขึ้นที่นี่ในปี 1884 ทำให้ Gortyna เป็นสถานที่สำคัญสำหรับนักโบราณคดีมานานกว่า 100 ปี
แวะชมกำแพงที่จารึกด้วยภาษาสัญลักษณ์ Gortyna ในอดีต นี่คือตัวอย่างของภาษาสัญลักษณ์ที่เก่าแก่ที่สุดชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นแบบอย่างของภาษาสัญลักษณ์ทางกฏหมายของกรีกแบบลายลักษณ์อักษร สำรวจอักขระที่สลักไว้บนหินเมื่อหลายพันปีก่อน คุณยังคงสามารถเขียนตัวอักษรตามที่ต่างๆ ส่วนใหญ่ได้ มีภาษาสัญลักษณ์รวมแล้วมากกว่า 600 บรรทัดจารึกไว้ทั่วเสา 12 ต้น
เมื่อคุณเห็นกำแพง ให้เดินไปยังซากปรักหักพังของอะโครโพลิส อันเป็นบริเวณที่ค้นพบเศษหินจากเสาและรูปปั้นมากมายหลายชิ้น Gortyna มีโบราณวัตถุมากกว่า 1,500 ชิ้นอย่างเช่นที่นี่ ทำให้ที่แห่งนี้เป็นโบราณสถานที่มีการประดับตกแต่งไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งในกรีซ
อย่าพลาดชมใต้ต้นมะเดื่อที่เทพกรีกนามว่าซุสและเทพียูโรป้ามีสัมพันธ์รักต่อกัน อย่าลืมแวะชมโบสถ์แบบไบแซนไทน์ของ St. Titus Gortyna เป็นเมืองในประเทศกรีซแห่งแรกๆ ที่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์และยังคงมีคริสตศาสนิกชนจนถึงศตวรรษที่ 9
Gortyna ตั้งอยู่ทางใต้ของ Heraklion ห่างออกไป 27 ไมล์ (45 กิโลเมตร) ในที่ราบ Messara สถานที่แห่งนี้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ยกเว้นช่วงวันหยุดและยังคงมีศูนย์นักท่องเที่ยวพร้อมคาเฟ่และร้านขายของฝากอันทันสมัยคอยให้บริการ มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชมเพียงเล็กน้อย