ฟูไจราห์

ป้อมปราการ สุเหร่า กีฬาทางน้ำ และเมืองชายฝั่งอันแสนสงบอย่างอัล-ฟูไจราห์นี้มีวิวของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่แตกต่างจากเมืองหรูหราอย่างดูไบที่เราคุ้นตากันค่อนข้างมาก อัล-ฟูไจราห์นั้นทอดยาวตลอดพื้นที่ส่วนใหญ่ของชายฝั่งตะวันออกของประเทศที่มีพื้นที่เขตปกครองของรัฐชาร์จาห์อีกหลายแห่งตั้งอยู่

เริ่มต้นการท่องเที่ยวที่ฟูไจราห์ เมืองที่มีชื่อเดียวกับรัฐ แม้ว่าพื้นที่บริเวณนี้จะไม่เหมาะกับการเดิน แต่ก็มีแท็กซี่ที่ราคาไม่แพงให้บริการไม่ขาด ชมส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เมืองที่ป้อมฟูไจราห์ ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยสวนอินผาลัมอันงดงาม แวะที่พิพิธภัณฑ์ฟูไจราห์ เพื่อชมอาวุธ เหรียญ และโบราณวัตถุต่างๆ บางชิ้นมีอายุย้อนไปได้ถึงยุคทองแดงเลยทีเดียว

อย่าลืมไปชมสุเหร่าอัลบาดิยาห์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นสุเหร่าที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และแวะไปที่สุเหร่า Sheikh Zayed อันระยิบระยับที่สามารถรองรับผู้แสวงบุญถึง 20,000 คน เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของคนพื้นเมือง และชมการการแสดงเต้นรำที่หมู่บ้านมรดก ร่วมกิจกรรมการสู้วัวกระทิงในวันศุกร์กับชาวบ้าน ชมวัวกระทิงขวิดประลองพละกำลังกัน

แวะที่เมืองมาซาฟี ซึ่งอยู่ระหว่างพรมแดนเมืองอัล-ฟูไจราห์ กับดูไบเพื่อชมตลาดวันศุกร์ แม้จะชื่อว่าตลาดวันศุกร์ แต่ตลาดนี้เปิดให้บริการทุกวัน มีร้านค้าขายของทุกอย่างตั้งแต่พืชผักผลไม้ไปจนถึงหม้อชามรามไหและพรม

เดินทางต่อไปตามชายฝั่งด้านเหนือของอัล-ฟูไจราห์ และหยุดแวะที่เมืองชายทะเลต่างๆ ในบรรดาเมืองชายทะเลต่างๆ มีเมืองดิบบาที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และโอมานแบ่งสิทธิ์ในการครอบครองด้วยกัน เดินตามชายทะเลที่มีต้นปาล์มเรียงราย หรือจะเจรจากับชาวประมงให้ขับเรือพาเที่ยวก็ได้ แต่คุณต้องมีพาสปอร์ตไปด้วยถ้าอยากข้ามไปยังฝั่งโอมาน

ว่ายน้ำกับปลาหลากสีที่หาดแซนดี้ และยังสามารถเลือกทัวร์ดำน้ำตื้นหรือดำน้ำลึกก็ได้ ทัวร์ที่คล้ายๆ กันนี้ให้บริการที่หาด Khor Fakkan ซึ่งเป็นเขตของรัฐชาร์จาห์ซึ่งตั้งอยู่บนชายฝั่งของอัล-ฟูไจราห์

วิธีเดินทางที่สะดวกที่สุดในการมาอัล-ฟูไจราห์คือการนั่งเครื่องบิ จากนั้นนั่งรถประจำทาง แท็กซี่ หรือรถเช่าต่ออีกประมาณ 1 ชั่วโมง ที่นี่มีอากาศที่ไม่ร้อนหรือหนาวจัดจนเกินไปตลอดทั้งปี จึงทำให้มาเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้