เดินไปตามแนวพุ่มไม้ที่ตัดแต่งอย่างประณีต มีต้นยิวและต้นมะนาวเรียงรายเป็นแนวยาวที่วังวีล็องดรี ชื่นชมป้อมปราการขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลาง ดูภาพวาดชั้นเลิศและการตกแต่งภายในที่หรูหรา
ปราสาทนี้สังเกตเห็นได้ง่ายเนื่องจากภายนอกเป็นสีขาวโดดเด่น สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16 โดย Jean le Breton จากนั้นได้รับการบูรณะและฟื้นฟูขึ้นใหม่ในทศวรรษที่ 1750 ปัจจุบันกลายเป็นปราสาทที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค
เดินไปที่หอคอยและยอดแหลมของอาคาร พื้นหญ้าเขียวชอุ่มราวกับพรมขนาดใหญ่ปูไว้ต้อนรับแขก สวนที่นี่แยกกันเป็นโซนๆ รวมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 35 ไร่ เริ่มต้นจากสวนครัวขนาดใหญ่ชั้นล่างที่ตกแต่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีกะหล่ำปลีและดอกไม้เรียงกันเป็นแถวยาว สวนธรรมดาๆ นี้มีทั้งสมุนไพรสำหรับทำยาและทำอาหาร
ไปต่อกันที่สวนตัดแต่งเป็นลวดลาย ซึ่งมีทั้งทรงสี่เหลี่ยมและทรงกลมที่ตัดแต่งอย่างสมบูรณ์แบบเรียงรายกันไป พร้อมชมประติมากรรมที่น่าทึ่ง พื้นที่ที่ตกแต่งไว้อย่างงดงามนี้แบ่งออกเป็น 4 ส่วน แต่ละส่วนแสดงถึงสัญลักษณ์ของความรักที่แตกต่างกันโดยใช้ดอกกุหลาบทุกสี สวนพืชน้ำในบริเวณใกล้เคียงจะมีน้ำพุและประติมากรรม ขณะที่สวนพระอาทิตย์จะมีทั้งแสงสว่าง ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม และพืชสวนจากทั่วโลก
ใช้เวลาสักครู่ในการหาทางออกจากเขาวงกตอันลึกลับก่อนจะไปยังตัวปราสาท แต่ละห้องในปราสาทสไตล์เรเนซองส์ดั้งเดิมนี้ดูเหมือนจะทรุดโทรมกว่าที่ผ่านมา ภายในมีเฟอร์นิเจอร์แกะสลักโบราณและสิ่งทอที่น่าประทับใจแขวนอยู่ตามผนัง ชมเพดานสีทองที่สง่างามในห้องสไตล์ตะวันออก พลาดไม่ได้กับแกลเลอรี่ภาพวาดสีน้ำมันของศิลปินชาวสเปนและเฟลมิช
จากหมู่บ้านวีล็องดรี เดินมาทางตะวันออกเพียง 5 นาทีก็จะถึงวังวีล็องดรี สามารถเยี่ยมชมปราสาทและสวนได้ทุกวัน มีค่าเข้าชมเพียงเล็กน้อยสำหรับทั้ง 2 แห่ง