บนยอดเขาสูงสุดในเมืองอัมมานมีป้อมปราการตั้งอยู่ เป็นซากปรักหักพังที่มีความสวยงามและมีอายุย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยยุคหิน ซากปรักหักพังนั้นเผยให้เห็นอิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมที่มาจากยุคเหล็ก รวมถึงยุคโรมัน ยุคไบแซนไทน์และยุคอุมัยยะฮ์
ทางตอนใต้สุดของกลุ่มอาคารเหล่านี้เป็นที่ตั้งของวิหารเฮอร์คิวลีสที่สร้างขึ้นระหว่างปีคริสต์ศักราชที่ 162-166 วิหารแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารที่อยู่ในโรมโบราณเสียอีก เดินผ่านทางเข้าที่เป็นแนวเสาระเบียงไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ข้างใน จากนั้นเคลื่อนตัวไปที่หินขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณปลายหน้าผา ที่นี่เคยมีบันไดด้วย ตรงนี้จะเป็นจุดชมวิวพาโนรามาอันสวยงามของเมือง ใกล้กันนั้นมีมือรูปกำปั้นขนาดใหญ่ที่ทำจากหินอ่อน เผยให้เห็นความขาวโพลนจนแทบไม่มีเลือด ว่ากันว่าเป็นเศษที่หลงเหลือจากรูปปั้นขนาดใหญ่ของเฮอร์คิวลีส
ส่วนพระราชวังอุมัยยะฮ์นั้นเชื่อว่ามีอายุในช่วงศตวรรษที่ 8 เป็นอาคารที่ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุด และถือเป็นอาคารที่มีความสวยงามและน่าประทับใจมากที่สุดเช่นกัน จากนั้น เดินผ่านสนามหญ้าไปยังถนนที่เต็มไปด้วยแนวเสาระเบียง จากนั้นเข้ามายังห้องโถงรูปโดม ภายในอาคารอันหรูหราใหญ่โตนี้เป็นบ้านพักอาศัยของผู้ปกครองเมือง โดยมีแท่นบัลลังก์ด้วย
ส่วนข้างๆ พระราชวังนั้นมี Umayyad Cistern ที่เก็บน้ำขนาดใหญ่ที่จุน้ำใช้สำหรับบริเวณโดยรอบ ที่เก็บน้ำนี้เคยบรรจุน้ำฝนได้ถึงประมาณ 250,000 แกลลอน (950,000 ลิตร) จากนั้น เดินไปตามบันไดแคบๆ ตามผนังที่เก็บน้ำ ลงไปยังชั้นล่างสุดแล้วจะรู้ว่าที่นี่มีความลึกขนาดไหน
นอกจากนี้ ภายในอาคารยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โบราณสถานแห่งชาติ ที่คุณจะได้เห็นวัตถุโบราณ รวมถึงม้วนหนังสือสมัยโบราณ หรือ Dead Sea Scrolls ทั้งยังมีหัวกระโหลกอายุ 6,000 ปี และรูปปั้น Ain Ghazal ที่เป็นประติมากรรมในช่วงแรกสุดเท่าที่เคยได้ค้นพบมา ส่วนทางตอนใต้ของพิพิธภัณฑ์คือโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิกชื่อ Byzantine Basilica เดินไปเรื่อยๆ ระหว่างเสาต้นใหญ่ทางฝั่งไหนของทางเดินก็ได้ แล้วมองขึ้นไปข้างบนเพื่อชมซากสิ่งก่อสร้างที่เหลืออยู่ของวิหารเฮอร์คิวลีสแบบโรมัน
ป้อมปราการอยู่ห่างจากตัวเมืองอัมมานประมาณ 20 นาทีโดยการเดินเท้า แต่วิธีที่ดีที่สุดในการเดินทางคือแท็กซี่ ถ้าคุณอยากจะเดินไปป้อมปราการ ต้องระวังอยู่เสมอว่าเส้นทางนั้นค่อนข้างลึกและเต็มไปด้วยหิน ควรสวมใส่รองเท้าที่เหมาะกับการเดินในสภาพนี้