ชมสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานความทันสมัยและความโบราณเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าเป็นโบสถ์ อนุสาวรีย์ และพิพิธภัณฑ์จากยุคกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ เมืองของชาวเฟลมิชแห่งนี้เต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์และขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์ริมแม่น้ำ Leie และ Scheldt ที่สวยงามราวภาพวาด
หอระฆังยุคกลาง Belfry of Ghent สูงเกือบ 90 เมตร ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หอระฆังนี้ทำหน้าที่หอสังเกตการณ์ สถานที่พบปะของบุคคลสำคัญทางการเมือง และสถานที่สำคัญทางศาสนา ซึ่งคุณสามารถเข้าไปศึกษาประวัติศาสตร์ของหอระฆังได้
เดินชมทิวทัศน์ไปตามเส้นทางคดเคี้ยวภายในสวน Citadelpark ในสวนจะมีแผ่นป้ายบอกรายข้อมูลต้นไม้และพื้นชนิดต่างๆ ชมตู้เพลงและรูปสลัก เข้าไปชมนิทรรศการใน Museum of Fine Arts และ Municipal Museum of Contemporary Art (S.M.A.K.)
เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองและการอพยพของชาวเมืองได้ที่พิพิธภัณฑ์ STAM Ghent City ตัวพิพิธภัณฑ์กินพื้นที่หลายอาคาร รวมทั้งอาคารจากศตวรรษที่ 14 ด้วย ชมหนึ่งในภาพถ่ายภูมิทัศน์ของเมืองจากบนท้องฟ้าภาพใหม่ล่าสุด
ศาลากลางเมือง Ghent ถือเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของเมืองนี้ สถาปัตยกรรมอันสวยงามน่าทึ่งของอาคารแห่งนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละส่วน คุณสามารถชมสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคได้จากด้านหน้าของอาคาร ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์เรเนสซองส์ เดินชมการตกแต่งอันโอ่โถงด้านใน
เข้าไปชมปราสาทยุคกลาง Gravensteen ที่สามารถสืบอายุย้อนไปได้จนถึงปี 1180 คุณจะค้นพบว่าที่นี่เคยเป็นคุกกับสำนักงานศาลมาก่อน ปีนขึ้นไปบนชั้นบนสุดของปราสาท และชมทิวทัศน์ของคูน้ำรอบๆ
ชมมหาวิหาร St. Bavo’s Cathedral ที่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมือง Ghent โบสถ์แห่งนี้สืบอายุย้อนกลับไปได้ถึงศตวรรษที่ 10 ในโบสถ์มีทั้ง Ghent Altarpiece หรือ The Adoration of the Mystic Lamb โดย Hubert และ Jan van Eyck
จาก St. Bavo สามารถเดินไปยังแม่น้ำ Leie เพื่อชมสถานที่สำคัญทางศาสนาอย่างโบสถ์ St. Nicholas สไตล์เชลด์ตโกธิคที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13
เมื่อหน้าร้อนมาเยือน อากาศในแถบนี้ของเบลเยียมจะอบอุ่น และไม่หนาวเย็นมากนักในหน้าหนาว ค้นพบเสน่ห์ของเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีทางประวัติศาสตร์ ชมสวนและสวนสาธารณะที่สวยงามราวกับภาพวาด และสัมผัสกับสภาพอากาศแสนสบายไปพร้อมๆ กัน ในเดือนกรกฏาคมของทุกปี จะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 2 ล้านคนเดินทางมาเข้าร่วมเทศกาล Ghent ที่จัดติดต่อกันถึง 10 วัน