ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนซาอุดีอาระเบียจะไม่ได้เปิดให้กับนักท่องเที่ยวที่ไม่ใช่มุสลิมเท่าไรนัก แต่ปัจจุบันที่นี่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากตะวันตกมากขึ้น เที่ยวชมทะเลทรายและชายฝั่งทะเลอันน่าทึ่ง เมืองอันทันสมัย และโบราณสถานต่างๆ สัมผัสวัฒนธรรมอาหรับที่ผสมผสานกับประวัติศาสตร์ของชาวเบดูอิน
ภายในเมืองหลวงของซาอุดีอาระเบียอย่างริยาห์มีอาคารศูนย์กลางของประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ที่ Qasr Al-Hokm แต่นอกเหนือจากที่นี่แล้ว ทั้งเมืองเป็นเมืองใหม่ที่ทันสมัยมาก ตอนกลางวันอันร้อนจัดเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมสถาปัตยกรรม ศิลปะแบบอิสลาม และประวัติศาสตร์ธรรมชาติของซาอุดีอาระเบียที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติซาอุดีอาระเบีย พักคลายร้อนในห้างติดแอร์ขนาดใหญ่แล้วเพลิดเพลินไปกับการช้อปปิ้ง ห้างบางแห่งจะมีชั้นสำหรับลูกค้าผู้หญิงโดยเฉพาะ ใช้เวลายามบ่ายเที่ยวชมตลาดพื้นเมืองที่คุณสามารถหาซื้อของโบราณ พรมอาหรับ เครื่องเทศ และเพชรพลอยได้ในราคาไม่แพง
เดินทางไปยังชายฝั่งทะเลเพื่อไปยัง Jeddah เมืองท่าอันคึกคักของซาอุดีอาระเบีย แล้วพักที่โรงแรมหรูริมหาด เดินตามทาง Jeddah Corniche ทางเดินริมหาดอันงดงามที่มีน้ำพุ รูปปั้น และสวนสาธารณะ ชมพระอาทิตย์ตกน้ำที่ทะเลแดง แวะชมบ้านปะการังอันเก่าแก่ที่ Al Balad ดูศิลปะทางประวัติศาสตร์และงานแสดงเฟอร์นิเจอร์ได้ที่ Naseef House ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19
ท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับในพื้นที่แถบภูเขาที่อากาศเย็นหน่อยอย่าง Taif ซึ่งมีฟาร์มดอกกุหลาบและผลไม้เรียงรายอยู่ตามเนินเขา เขตอนุรักษ์ธรรมชาติก็เป็นพื้นที่หลบภัยแก่สัตว์ป่านานาชนิด เช่นลิงอีกด้วย ที่สวน Al Radf มีสวนสัตว์ขนาดเล็กอีกด้วย ขับรถต่อไปที่ป้อมตุรกีที่ซึ่งเชื่อกันว่า Lawrence แห่งอาระเบียเคยต่อสู้ที่นี่ ชมหินแกะสลักที่ตลาดพื้นเมืองยุคก่อนอิสลามที่อยู่ใกล้เคียง
พบเห็นเมืองต่างๆ ที่น่าสนใจได้ทั่วไปในประเทศซาอุดีอาระเบีย เช่น Najran ซึ่งเป็นบ้านและเมืองหน้าด่านที่สร้างด้วยอิฐโคลน แวะแคว้นที่ปลูกต้นอิทผาลัมอย่าง Al Ahsa เพื่อชมโบราณวัตถุต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์และอาคารทางประวัติศาสตร์ แต่อย่างไรก็ดี บางแห่งก็ยังไม่เปิดให้คนนอกศาสนาเข้าไปท่องเที่ยว เช่น เมืองเมกกะ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลามและบ้านเกิดของศาสดามูฮัมหมัด และบางแห่งก็ต้องมีไกด์พาเข้าชมเท่านั้น