ว่ากันว่าวัดหลิงอิ่นเป็นหนึ่งในสิบวัดพุทธที่มีชื่อเสียงที่สุดในจีน ที่นี่เต็มไปด้วยประติมากรรมและการแกะสลักที่ประณีตบรรจง วัดนี้ตั้งอยู่ที่เชิงเขาหลิงอิ่น ล้อมรอบด้วยป่าที่งดงาม
วัดนี้สร้างขึ้นในปี 326 โดยพระ Hui Li ระหว่างราชวงศ์จิ้นตะวันออก พระ Hui Li ได้รับแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณของธรรมชาติที่รายล้อม จึงได้สร้างสถานเพื่อเคารพบูชา ชื่อหลิงอิ่นมีความหมายว่า "ที่พักของวิญญาณ" สามารถสัมผัสบรรยากาศแห่งจิตวิญญาณได้แม้ในทุกวันนี้ ผู้เยี่ยมชมมักสัมผัสได้ถึงพลังงานในบริเวณนี้ของทะเลสาบซีหู ครั้งหนึ่ง หมู่อาคารนี้เคยประกอบด้วยอาคารและหอน้อยใหญ่ 72 แห่ง และมีพระสงฆ์อาศัยอยู่ 3,000 รูป ปัจจุบัน วัดมีขนาดเล็กลง แต่ก็มีอะไรให้ค้นหามากมาย
ก่อนที่จะเข้าวัด แวะชม Feilai Feng หรือยอดเขาเหินฟ้าที่ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้า ชมพระพุทธรูปนับร้อยที่แกะสลักขึ้นด้วยหินปูน ยอดเขาเหินฟ้าตั้งชื่อตามตำนานที่ว่า แท้จริงแล้วหินก้อนนี้เคยอยู่ในอินเดีย แต่บินมาถึงหางโจวในเวลาชั่วข้ามคืน
เดินขึ้นไปที่โถงจตุโลกบาล ห้ามพลาดชมประติมากรรมจตุโลกบาลที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร สังเกตว่าองค์พระประธานคือพระศรีอาริยเมตไตรย มองขึ้นไปบนเพดานเพื่อชมภาพวาดมังกรและหงส์ร่ายรำ
เดินตามทางเดินไปที่โถงประธานแห่งมหาปราชญ์ ซึ่งมีเพดานสูงถึง 110 ฟุต (33.6 เมตร) ด้านในประดิษฐานพระพุทธปฏิมากรรมของพระศรีศากยมุนี ซึ่งแกะสลักจากไม้การบูรในปี 1953 ว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปไม้แกะสลักที่ใหญ่ที่สุดในจีน
เดินขึ้นเขาต่อไปที่โถงพระไภษัชยพุทธเจ้า และผ่านหอพระไตรปิฎก หอพระไตรปิฎกนี้ไม่เปิดให้เข้าบูชา ที่โถง Huayan Hall คุณจะพบสามนักปราชญ์แห่งอวตังสกสูตร ซึ่งเป็นคัมภีร์หลักของพระพุทธศาสนา
สุดท้ายที่โถงห้าร้อยอรหันต์ ซึ่งรู้จักกันว่ามีพื้นแกะสลักรูปสวัสดิกะของพระพุทธศาสนาอยู่ และที่ประดิษฐานอยู่บนแขนของสวัสดิกะนั้นก็คือปฏิมากรรมพระอรหันต์ (ผู้ที่บรรลุนิพพาน) 500 รูปที่ทำจากทองแดง นี่เป็นภาพที่งดงามเกินบรรยาย
วัดหลิงอิ่นเปิดทุกวัน สถานที่นี้คิดค่าบริการเข้าชม จากสถานีรถไฟหลักของหางโจว คุณสามารถขึ้นรถประจำทางหนึ่งในสองสายมาลงที่ป้ายหลิงอิ่น