เมืองเหมืองแร่ประวัติศาสตร์ไฟรแบร์ก เป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมที่มีมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นและจุดหมายตาที่น่าทึ่งหลายแห่ง เทศบาลประวัติศาสตร์แห่งนี้ อยู่ในแคว้นแซกโซนีที่สวยงามราวภาพวาดในเยอรมนีตะวันออก มีย่านเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ และบอกเล่าเรื่องราว 800 ปีของอุตสาหรรมการถลุงแร่และการทำเหมืองแร่ของประเทศ เดินเล่นริมชายฝั่งลำธารเล็กๆ ท่องขึ้นไปบนเนินเขาร่มรื่นที่ล้อมรอบตัวเมือง
สัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่นด้วยการเดินทางไปยังจัตุรัสโอเบอร์มาร์คกลางในพื้นที่โอเบอร์ชตัดท์ (เมืองตอนบน) ลานชุมชนแห่งนี้เป็นที่จัดตลาดเกษตรกรอยู่บ่อยๆ รวมทั้งตลาดคริสต์มาสพื้นเมืองในฤดูหนาวอีกด้วย ชื่นชมอาคารยุคกลางและเรอเนซองซ์ที่เรียงรายล้อมรอบลานชุมชนแห่งนี้ แล้วแวะไปดื่มเบียร์ท้องถิ่นที่ผับพื้นเมือง
เดินขึ้นเหนือสักครู่มาที่อาสนวิหารไฟรแบร์กอันน่าประทับใจ และชื่นชมประตูสีทองแบบโรมาเนสก์ ชมตราพระราชลัญจกรอันงดงามประณีตและผลงานศิลปะทริอุมฟ์ครอยซ์กรุพเพอ (Triumphkreuzgruppe) ซึ่งมีอายุย้อนกลับได้ถึงศตวรรษที่ 13
เรียนรู้เกี่ยวกับมรดกการทำเหมืองแร่ของเมืองนี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์แทร์รามิเนราเลีย ซึ่งมองเห็นทะเลสาบครอยซ์ไทเชอที่มีทิวทัศน์สวยงามในไฟรแบร์กตอนกลาง เดินเล่นตามชายฝั่งไปยังสนามหญ้าที่มีต้นไม้ขนาบของอัลแบร์ตพาร์ค ไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยการทำเหมืองแร่และเทคโนโลยีไฟรแบร์ก ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของสวนสาธารณะ แล้วมาค้นหาว่าไฟรแบร์กกำลังสร้างชื่อให้แก่ตัวเองในสาขาเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างไร
ไรเซอเซเชอ ซึ่งกล่าวว่าเป็นเหมืองแร่นิทรรศการที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง เดินลงมาในทางเข้าเหมือง 150 เมตรโดยใช้บริการนำเที่ยว
ฤดูหนาวมีสภาพอากาศรุนแรงและฤดูร้อนมีอากาศสบาย ตามแบบฉบับของยุโรปเหนือ นำร่มมาด้วย เนื่องจากสภาพอากาศที่มีฝนตกบ่อยครั้ง
ขึ้นเครื่องบินไปยังสนามบินเดรสเดินในเยอรมนีตอนเหนือ แล้วขับรถไปทางตะวันตกราวๆ 55 กม. เพื่อมาที่เมืองนี้ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองเดรสเดินกับเมืองเคมนิทซ์ ติดกับพรมแดนสาธารณรัฐเช็ก
เมืองไฟรแบร์กที่แต่งแต้มด้วยทะเลสาบและลำธารที่สวยงาม เป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ของประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมของเยอรมนี