ชมเสาหิน ปัญจะ รถะ ซึ่งเป็นกลุ่มสิ่งปลูกสร้างหินแกรนิตที่ตกแต่งด้วยรูปสลักอันวิจิตร ดูการอุทิศให้กับเทพเจ้าในศาสนาฮินดู และพกกล้องถ่ายรูปเพื่อถ่ายภาพรูปสลักและส่วนหน้าอาคารอันงดงาม
กลุ่มสิ่งปลูกสร้างปัญจะ รถะ นี้ก่อสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 7 ในระหว่างการปกครองของกษัตริย์อาณาจักรปัลลวะ มเหนทรวรมันที่ 1 โดยมรดกโลกขององค์การ UNESCO แห่งนี้ มีการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในสถาปัตยกรรมของอินเดียในยุคก่อนหน้า ชมรูปสลักสิงโตและลวดลายตกแต่งที่สามารถพบเห็นได้ตามสถาปัตยกรรมแบบฑราวิท โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามสถานที่สำคัญตลอดอ่าวทมิฬนาฑู
กลุ่มสิ่งปลูกสร้างนี้มีสิ่งปลูกสร้างหินสลักห้าแห่ง ที่สร้างขึ้นเหมือนกับ ”รถะ” หรือรถม้าโบราณ โดยทั้งหมดเป็นเสาหินที่สลักมาจากหินแกรนิตสีชมพูชิ้นเดียว
รถะแต่ละแห่งมีหลังคาซ้อนตกแต่งที่เรียงซ้อนขึ้นเป็นรูปโดม โดยลวดลายและรูปสลักในแต่ละชั้นนั้นเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบฑราวิท ดูช่องเว้าในผนัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปสลักเทพเจ้าและรูปคนตามเทพปกรณัมศาสนาฮินดู
ธรรมราช รถะ เป็นรถะที่ใหญ่ที่สุด เมื่อเดินตามผนังโดยรอบ จะพบกับแผ่นสลักที่แสดงรูปเทพเจ้า พระศิวะและศักติ รูปสลักแสดงพระกฤษณะร่ายรำบนนาคกาลียะที่น่ายำเกรงนั้นดูน่าตื่นตาเป็นอย่างยิ่ง ถัดจากสิ่งปลูกสร้างนี้คือ ภีมะ รถะ ซึ่งเป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีเสาประดับงดงาม
หยุดแวะที่ อรชุน รถะ และ นกุล รถะ เพื่อชมรูปสลักนูนต่ำแสดงรูปสัตว์และโคนันทิซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะ ชมรูปสลักช้างขนาดมหึมาที่ยืนบนแท่นที่แยกออกมาต่างหากระหว่างวัด
เทราปที รถะ นั้นอุทิศให้กับพระแม่ทุรคา โดยมีความงามที่เรียบง่าย แตกต่างจากสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ชมทหารหินสองคนที่ถือธนูและดาบ ซึ่งเป็นผู้คุ้มครองสิ่งปลูกสร้างแห่งนี้
ปัญจะ รถะ อยู่ห่างจากใจกลางเมืองมหาบาลีปุรัมในระยะเดินประมาณ 15 นาที สถานที่แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวันโดยคิดค่าเข้าชม