บนเนินหินของเลโบเดอโพรวองซ์เป็นที่ตั้งของโบราณสถาน ซึ่งเมื่อครั้งอดีตเคยเป็นป้อมปราการที่ทรงอานุภาพ ถึงแม้บางครั้งจะถูกเรียกขานว่า Ville Morte (เมืองมรณะ) แต่เลโบก็ยังเป็นหมู่บ้านที่มีชีวิตชีวาและเปี่ยมเสน่ห์ด้วยอาคารและท้องถนนปูหินจากสมัยเรเนสซองส์ เพลิดเพลินกับการเดินไปบนถนนปลอดรถซึ่งเรียงรายไปด้วยร้านค้า คาเฟ่ แกลเลอรีน่ารัก ตลอดจนแหล่งประวัติศาสตร์มากมายนับไม่ถ้วน
Baux เป็นภาษาฝรั่งเศสเฉพาะถิ่นโพรวองซ์ที่แปลว่า “ทิวเขาหิน” ตระกูลลอร์ดผู้ครองบริเวณได้นำคำนี้ไปใช้เป็นนามสกุลตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 10 แต่หลังจากที่เมืองเจริญรุ่งเรืองอยู่นานหลายร้อยปีก็ถึงคราวเสื่อมถอยลงไปในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 ลอร์ดแห่งโบถูกโค่นอำนาจ และเลโบก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศส เมืองเข้าสู่ยุคทองเป็นคราที่สองในระหว่างสมัยเรเนสซองส์ อาคารหลายหลังฟื้นกลับสู่ความรุ่งเรืองดังเดิม และสิ่งปลูกสร้างงามสง่าหลายหลังก็ถูกสร้างขึ้นใหม่
ชมโบราณสถานไม่เป็นระเบียบที่ Château des Baux ค้นพบอาคารบ้านเรือนและหอคอยโบราณที่สร้างจากหินในบริเวณรอบๆ เดินลงเนินจากเลโบไปยังเหมืองหินปูน ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้งของ Carrières de Lumières ภายในพื้นที่แสดงแสงและเสียงอันตราตรึงใจแห่งนี้ ผลงานศิลปะชิ้นเอกชิ้นต่างๆ ถูกจัดฉายบนผนัง พื้น และเพดานหินของเหมือง
เดินเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Yves Brayer ซึ่งอยู่ภายใน Hôtel de Porcelet จากศตวรรษที่ 16 พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กแห่งนี้จัดแสดงผลงานภาพเขียนสีน้ำ สีน้ำมัน และภาพวาดเส้นของจิตรกรชาวฝรั่งเศส Yves Brayer ผู้ซึ่งหลงใหลในทัศนียภาพของโพรวองซ์ ชื่นชมสถาปัตยกรรมสมัยเรเนสซองส์และงานกรุกระจกสีแต่งเติมรายละเอียดใน Hôtel de Manville จากอดีตที่เคยเป็นบ้านของตระกูลเศรษฐีในศตวรรษที่ 16 ปัจจุบัน Hôtel de Manville กลายเป็นที่ทำการเทศบาลเมืองเลโบ
อาณาเขตเลโบเป็นส่วนหนึ่งของ Alpilles เทือกเขาหินปูนที่แผ่บริเวณกว้างในโพรวองซ์ ออกไปขี่ม้าหรือปั่นจักรยานเสือภูเขาท่ามกลางไร่องุ่นและต้นมะกอก เพื่อชมภูมิทัศน์ตามธรรมชาติอันงดงามชวนตะลึง เดินเขาไปตามเส้นทาง GR6 Grande Randonnée ความยาว 1,100 กิโลเมตรตลอดความยาวของเทือกเขา Alpilles
เลโบเดอโพรวองซ์อยู่ระหว่างเมืองอาวีญงและเมืองอาร์ล การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือโดยรถยนต์ รถบัสสาธารณะที่มุ่งหน้าไปยังเมืองอาร์ลมักแวะจอดรับส่งที่เลโบ เมืองใกล้เคียงส่วนใหญ่มีบริการนำเที่ยวที่นี่แบบเช้าไปเย็นกลับ