เกาะลา จูเด็กกาที่งดงามและเต็มไปด้วยธรรมชาตินี้มีลักษณะคล้ายกับเวนิสขนาดย่อมที่ไร้ซึ่งผู้คนพลุกพล่าน และเป็นที่ที่ความเป็นมาอันยาวนานของโบสถ์ ความเรียบง่ายของบ้านเรือนที่ประดับประดาด้วยดอกไม้ และความโรแมนติกของร้านกาแฟริมทางผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ลา จูเด็กกาเป็นหมู่เกาะที่มีเกาะทั้งสิ้นแปดเกาะกระจายอยู่ที่บริเวณปากแม่น้ำและเชื่อมต่อถึงกันด้วยสะพานต่างๆ และลานริมน้ำอันงดงาม ด้านทิศเหนือหันหน้าสู่ใจกลางเมืองเวนิส ส่วนทิศใต้หันหน้าสู่ทะเลสาบเวนิเทีย
เริ่มต้นเที่ยวชมโบสถ์ Chiesa del Santissimo Redentore อันงดงามตระการตา ซึ่งสร้างขึ้นโดยฝีมือของสถาปนิกอันเดรอา ปัลลาดิโอ ในปี 1577 เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เมืองเวนิสรอดพ้นจากการระบาดของกาฬโรค ด้านในยังมีภาพวาดจากศิลปินชื่อก้อง อาทิเช่น ฟรานเชสโก บาสซาโนและลาซาโร บาสเตียนี มาท่องเที่ยวในเดือนกรกฎาคม เพื่อชมงานเทศกาลเฟสตา เดล เรเดนโตเร ซึ่งเป็นงานที่ผู้แสวงบุญจะพากันข้ามสะพานที่โคลงเคลงจากซัตเตเรเพื่อมายังจูเด็กกา
หลังจากเที่ยวชมโบสถ์แล้ว เตร็ดเตร่ไปตามตรอกแคบๆ เพื่อไปยังจาร์ดิโน โคมูนาเล สวนสาธารณะที่ร่มรื่นแห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพักผ่อนอย่างเงียบสงบพร้อมกับชมทัศนียภาพของทะเลสาบเวนิเทีย
ไปเยือนฟอนดาเมนตา ลานกว้างที่เชื่อมต่อกับเกาะต่างๆ ด้วยสะพาน เดินตามตรอกซอกซอยออกจากลานไปยังบริเวณที่อยู่อาศัยของเกาะ ชมผู้คนในท้องถิ่นที่นิยมแขวนเสื้อผ้าที่ซักแล้วบนราวตากผ้าที่ขึงข้ามผ่านระหว่างแมนชันที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 และตกแต่งระเบียงด้วยดอกไม้หลากสี เดินชมร้านบูติก ร้านขายอาหารสำเร็จรูป และร้านค้าที่จำหน่ายผลผลิตที่สดใหม่
เดินกลับไปที่ลานฟอนดาเมนตาและชมนิทรรศการที่หอศิลป์กัลเลเรียอุปป์และจูเด็กกา 795 อย่าพลาดเที่ยวชมโบสถ์ Chiesa delle Zitelle ผลงานการออกแบบของปัลลาดิโอที่ตั้งอยู่บนเกาะทางด้านทิศตะวันออกสุด เดินเล่นไปตามริมฝั่งแม่น้ำริโอ เดล ปอนเต ลองโกที่เหมาะแก่การเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก ชมเรือล่องไปมาจากบริเวณท่าเรือที่คึกคัก
และนั่งพักในร้านกาแฟริมทางที่ลานฟอนดาเมนตา สั่งกาแฟหรือไวน์สักแก้วแล้วเอนกายชมวิวทิวทัศน์ใจกลางเมืองเวนิส ชมสัญลักษณ์ของเมืองเวนิส รวมทั้งโบสถ์ทรงโดม ซานตามาเรีย เดลลา ซาลูเต
สามารถเดินทางไปยังลา จูเด็กกาได้โดยใช้เรือข้ามฟาก (วาโปเรตโต) จากจุดจอดเรือที่ซัตเตเรและคลองแกรนด์คาแนลในเวนิส