สถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์และโบสถ์อันโอ่อ่างดงามเป็นสิ่งที่สร้างเสน่ห์ให้กับเมืองบรากา เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศโปรตุเกสนี้ มีชื่อเสียงในด้านอนุสรณ์ทางศาสนา พิพิธภัณฑ์ และทีมฟุตบอลที่โด่งดัง เป็นหนึ่งในเมืองที่เจริญขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในทวีปยุโรป ตั้งอยู่ในหุบเขาท่ามกลางเนินเขาเล็กๆ และภูเขาอันเขียวชอุ่มมากมาย ผ่อนคลายในอากาศแบบเขตเมดิเตอร์เรเนียนของเมืองบรากา ซึ่งมีฤดูหนาวสบายๆ และอากาศร้อนแห้งในฤดูร้อน
เดินทางไปเที่ยวที่ Bom Jesus do Mont (ชื่อมีความหมายว่า พระเยซูผู้ประเสริฐแห่งขุนเขา) สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ทางตอนเหนือของเมือง เดินขึ้นไปตามบันไดแบบบาโรกที่ทอดไปตามแนวกำแพงเล็กๆ ซึ่งนำทางขึ้นไปยังตัวโบสถ์ โครงสร้างของโบสถ์บนยอดเขานี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยทศวรรษปี 1300 แต่สถานที่ในปัจจุบันได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 18 สามารถชมวิวอันน่าทึ่งของเมืองบรากาได้จากโบสถ์นี้
เยี่ยมชมวิหาร Braga หนึ่งในสถานที่สำคัญของประเทศโปรตุเกสตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 3 ที่มีส่วนหน้าอาคารอันโดดเด่นด้วยสไตล์โกธิกสมัยศตวรรษที่ 15 และการตกแต่งภายในที่หรูหรางดงาม ชมวิหาร São Frutuoso Chapel อนุสาวรีย์สมัยศตวรรษที่ 7 อันโด่งดัง
สำรวจพิพิธภัณฑ์ D. Diogo de Sousa Museum ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1918 ประวัติและร่องรอยของเมืองบรากาเริ่มมีมาตั้งแต่สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ชาวโรมันเป็นผู้ครอบครองเมือง มองหาพิพิธภัณฑ์ Museu dos Biscainhos ซึ่งตั้งอยู่ในพระราชวังที่มีชื่อเดียวกัน ที่ตกแต่งด้วยของประดับหรูหราและผลงานศิลปะ ชมภาพเขียนและจิตรกรรมฝาผนังภายในพระราชวัง และพบกับร่องรอยต่างๆ ที่สะสมมาหลายช่วงศตวรรษ เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องลายคราม และนาฬิกาโบราณ
เดินเล่นผ่านสวน Garden of Santa Barbara ที่ตัดแต่งพุ่มไม้ไว้อย่างสวยงามพร้อมด้วยดอกไม้หลากหลายสีสัน ชมสิ่งประดิษฐ์ทางประวัติศาสตร์และสามารถชมวิวพระราชวัง Archbishop’s Palace ได้จากสวนนี้
บรากามีการคมนาคมหลายเส้นทางที่เชื่อมโยงกับเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศโปรตุเกสอย่างเมืองปอร์โต ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กันบนแนวชายฝั่งแอตแลนติก บรากาเป็นเมืองซึ่งเหมาะอย่างยิ่งแก่การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกันระหว่างศาสนาและการปกครองของชาวโรมัน