ปั่นจักรยานไปตามถนนหนทางของพอนดิเชอร์รีพลางสูดอากาศชายทะเลและกลิ่นขนมฝรั่งเศสหอมหวานที่อบใหม่ๆ ในคาเฟ่ หลบหลีกจากความจอแจวุ่นวายของเมืองอื่นในรัฐทมิฬนาฑูมาสู่ “พอนดี” ซึ่งให้อารมณ์ราวกับเป็นโอเอซิส
แม้เมืองจะถูกเปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อภาษาทมิฬ “ปุทุจเจรี” เมื่อปี 2006 แต่ผู้คนก็ยังคงติดปากเรียกว่าพอนดิเชอร์รีกันอยู่อย่างกว้างขวาง ที่นี่เคยเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของอินเดียภายใต้อาณานิคมฝรั่งเศสราว 200 ปีนับตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 18 ระหว่างช่วงนั้น พอนดิเชอร์รีได้กลายเป็นเมืองซึ่งจะดูกลมกลืนไม่ผิดแปลกเลยหากไปตั้งอยู่บนชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน
สัมผัสรับรู้ถึงมรดกฝรั่งเศสของพอนดีจากทัวร์เดินเท้าพร้อมมัคคุเทศก์ ซึ่งดำเนินการโดยสำนักงานอนุรักษ์มรดกศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติอินเดีย หรือ Indian National Trust for Art and Cultural Heritage - INTACH ระหว่างเดินชมเส้นทางสายมรดกหนึ่งชั่วโมงนั้น ให้สังเกตสถานที่ที่คุณสนใจเอาไว้เพื่อที่จะได้ย้อนกลับไปชมอีกครั้ง สถานที่น่าสนใจที่คุณจะผ่าน ได้แก่ รูปปั้นคานธี, หอสมุดโรแมง โรลลองด์, พิพิธภัณฑ์พอนดิเชอร์รี, สถาบันฝรั่งเศสแห่งแดนตะวันออกไกล และโบสถ์แม่พระแห่งปวงทูตสวรรค์ คณะทัวร์พร้อมมัคคุเทศก์เริ่มต้นที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว ซึ่งคุณสามารถรับแผนที่ภาษาอังกฤษได้ ใช้แผนที่นี้ออกทัวร์ด้วยตนเองได้หากคุณอยากสำรวจเมืองตามจังหวะก้าวของตนเองมากกว่า
อาคารหลังหนึ่งที่คุณจะเดินผ่านระหว่างเส้นทางสายมรดกคือ อาศรมศรี อรพินโธ ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก อาศรมแห่งนี้ก่อตั้งเมื่อปี 1926 โดยนักปรัชญาและกวี ศรี อรพินโธ โฆษ ระหว่างพำนักที่อาศรม เขาได้กลั่นกรองปรัชญาขึ้นหลักหนึ่งซึ่งมีรากฐานจากโยคะ ติดต่อสำนักงานกลางของอาศรมเพื่อสำรองที่พักหรือนัดหมายทัวร์พร้อมมัคคุเทศก์
สภาพอากาศอบอุ่นตลอดปีทำให้ผืนน้ำที่ชายหาดพอนดิเชอร์รีเชื้อเชิญให้ลงเล่นเสมอไม่ว่าคุณจะไปเยือนเมื่อใด ตากลมให้แห้งโดยปั่นจักรยานไปตามถนนหนทาง ชื่นชมบ้านเรือนจากยุคอาณานิคมเลียบหน้าหาด มุ่งไปที่สวนพฤกษศาสตร์บริเวณกลางใจเมืองเพื่อหลบใต้ร่มเงาไม้และรับความสงบ
พอนดิเชอร์รีอยู่ทางใต้ 3 ชั่วโมงจากเจนไน มีถนนและรถไฟเชื่อมต่อกับเมืองข้างเคียงเกือบทุกที่ แวะมาเยือนพอนดีเพื่อพบส่วนผสมที่น่าสนใจระหว่างอิทธิพลชาติยุโรปกับทมิฬ พร้อมทั้งรื่นรมย์ไปกับชายหาดและบรรยากาศผ่อนคลายของเมืองชายฝั่งแห่งนี้