นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกต่างหลั่งไหลมารวมตัวกันบนเกาะเคปบรีตันเพื่อเยี่ยมชมเส้นทางเดินเขาและเส้นทางขับรถอันโด่งดัง รวมทั้งสัมผัสวัฒนธรรมพื้นเมืองอันมีเอกลักษณ์ พบกับวัฒนธรรมเคลต์ที่ไหลเวียนอยู่ในดนตรีและวิถีของเกาะมหัศจรรย์แห่งนี้ และที่นี่ยังเป็นเพียงแห่งเดียวในอเมริกาเหนือที่ยังมีการใช้ภาษาเคลต์ท้องถิ่นอยู่
มาเยี่ยมเยียนสำรวจประเพณีที่อนุรักษ์ไว้ตั้งแต่สมัยที่กลุ่มผู้ตั้งรกรากเพิ่งอพยพมาจากสก็อตติชไฮแลนด์ส เมื่อต้นศตวรรษที่ 19 พบกับสัญลักษณ์ของผู้ตั้งรกรากชาวอเคเดียนคณะแรกๆ อย่างหมู่บ้านชาวประมง Chéticamp ซึ่งเป็นที่ที่ยังมีการใช้ภาษาถิ่นฝรั่งเศสแบบอเคเดียนอยู่ สำรวจมรดกของกลุ่มปฐมภูมิ ซึ่งเป็นชนกลุ่มแรกที่มาตั้งรกรากและยังคงอาศัยอยู่บนพื้นที่แห่งนี้
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเกาะคือถนน Cabot ตื่นตะลึงไปกับวิวทิวเขาตระการตาขณะขับรถไปตามถนนยาว 300 กิโลเมตรที่วนรอบหน้าผาริมทะเล หาเวลาแวะพักที่เส้นทางเดินเขา ชมทัศนียภาพงดงามและเมืองอันมีเสน่ห์ที่พบได้มากมายตามถนนเส้นนี้
สถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่งคือ อุทยานแห่งชาติเคปบรีตันไฮแลนด์สเปิดในหน้าต่างใหม่ สำรวจภูเขาและป่าไม้ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาพันธุ์ อาทิ กวางมูสและนกอินทรี หรือมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบ Bras d’Or เพื่อชมหมู่นกพันธุ์น้ำฝูงใหญ่
จัดทริปให้ตรงกับเทศกาลดนตรีและงานเต้นรำแบบสก็อตที่มีตลอดทั้งปี เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมเคลต์ของแท้ และอย่าลืมแวะชมพิพิธภัณฑ์อเล็กซานเดอร์ กราแฮม เบล ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่ชายผู้คิดค้นโทรศัพท์เป็นคนแรก ซึ่งเป็นชาวสก็อตแลนด์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่ง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน แบดเดคเปิดในหน้าต่างใหม่ บนชายฝั่งตอนเหนือของทะเลสาบ Bras d’Or
ชุุมชน Membertou คือหนึ่งในห้าชุมชนแรกของกลุ่มปฐมภูมิ เรียนรู้ประวัติอันน่าสนใจของพวกเขาได้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ Membertou Heritage Park สัมผัสประสบการณ์ชีวิตบนเกาะที่ ป้อม Louisbourgเปิดในหน้าต่างใหม่ ซึ่งจำลองการตั้งรกรากของชาวแคนาดาในศตวรรษที่ 18 ได้อย่างประณีต โดยมีนักแสดงสวมชุดย้อนยุคช่วยเพิ่มความสมจริง
ลัดฟ้าสู่ท่าอากาศยาน เจเอ ดักลาส แมคเคอร์ดี้ ซิดนีย์ ท่าอากาศยานภายในประเทศของเกาะเคปบรีตัน แม้ว่าตอนนี้เราจะสามารถขึ้นเครื่องบินไปยังเกาะเคปบรีตันได้อย่างง่ายดาย แต่การเดินทางไปยังตอนเหนือที่ห่างไกลของโนวาสโกเชียนั้นยังคงยากลำบากอยู่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงยังสามารถอนุรักษ์ประเพณีพื้นเมืองเอาไว้ได้