ในสมัยก่อน เมืองแห่งนี้คือหมู่บ้านสองแห่งที่อยู่แยกกัน ชื่อ Garmisch และ Partenkirchen แต่ได้ถูกผนวกเข้าด้วยกันเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดกีฬาโอลิมปิกตามคำสั่งของฮิตเลอร์เมื่อ 75 ปีก่อน ปัจจุบันนี้ คุณสามารถเดินทางไปรอบๆ เมืองตามถนนกรวดได้โดยไม่ต้องใช้รถยนต์ หรือจะนั่งรถไฟขึ้นไปบนยอดเขาก็ได้ ซื้อตั๋วที่เรียกว่า “Spa Card” เพื่อขึ้นรถประจำทางชมรอบเมือง
เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนประเทศออสเตรียที่เชิงเขา Zugspitze ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดของเยอรมนี โดยสูงถึง 2,962 เมตร แฟนๆ กีฬาฤดูหนาวมักจะมาที่นี่เพื่อเล่นสกีตามเส้นทางยาวหลายไมล์ลงมาจากเขา และเส้นทางสกีข้ามประเทศด้วย หรือจะเล่นบนลานสกีแล้วลองเล่นรางหิมะแห่งแรกของเยอรมนีด้วยก็ได้ ลิฟท์สกีนั้นอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง สามารถเดินเท้าไปถึงได้ แวะเยี่ยมชมลานกระโดดสกีแห่งแรกของเยอรมนี ที่ใช้แข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ภูเขา Gudiberg เพื่อเป็นการชื่นชมประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกีฬาสกีของเมือง แต่ถ้าคุณไม่ได้สนใจเรื่องสกีมากนัก แนะนำให้ลองเดินย่ำหิมะ หรือเล่นเลื่อนหิมะแทน
เดินป่าผ่านอนุสาวรีย์ Partnach Gorge เพื่อไปชมน้ำตกในหุบเขาแคบๆ ที่มีแท่งน้ำแข็งและกำแพงหินปูนขนาดใหญ่ เส้นทางเดินป่านี้เปิดให้เข้าตลอดปี และจะสวยงามมากในหน้าหนาวเมื่อใช้ไฟฉายส่องนำทาง
เมืองแห่งนี้แบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ครึ่งที่เป็น Garmisch จะให้ความรู้สึกแบบสมัยใหม่ มีบาร์และร้านอาหารมากมาย ในขณะที่ถนนหนทางของ Partenkirchen จะเรียงรายไปด้วยอาคารเก่าสมัยโบราณ หากคุณต้องการการพักผ่อนหลังจากเล่นสกี ลองมาที่บาร์ที่ชื่อว่า Peaches ที่จัตุรัส Marienplatz ตามอย่างชาวเมืองที่นี่ก็ได้ ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวมาที่นี่เพื่อดื่มและเต้นรำทันทีที่ภูเขาปิดให้บริการเล่นสกี
Garmisch-Partenkirchen ยังมีชื่อเสียงในด้านการบำบัดสุขภาพโดยติดอันดับที่ 15 ของสปารีสอร์ตชั้นนำของเยอรมนี ในตัวเมืองนั้นยังมีสวนพฤกษศาสตร์ Michael-Ende-Kurpark ให้คุณถอดรองเท้าเดินบนทางหินเพื่อนวดฝ่าเท้า และแกลอรี Market Gallery ในสปาดังกล่าวมีนิทรรศการมากมายจัดแสดงตลอดเวลา
เมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องสกีอย่าง Garmisch-Partenkirchen นี้ ถือว่ายังคงคุณภาพในเรื่องลานสกีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง วิวทิวทัศน์ที่สวยงามและบรรยากาศการบำบัดสุขภาพด้วยเช่นกัน
