สะพานบลัดดี้เป็นแลนด์มาร์คทางประวัติศาสตร์ที่มีความลึกลับและเรื่องเล่ามายาวนานบนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยแรงงานผู้ต้องโทษระหว่างการตั้งรกรากครั้งที่สองของเกาะนอร์ฟอล์ก โดยข้ามลำธารเล็กๆ ที่ไหลลงสู่ผืนน้ำที่ปั่นป่วนของเซเมเทรีเบย์ เมื่อเริ่มออกเดินทางในทัวร์ขับรถเที่ยวไปบนชายฝั่งทิศใต้ อย่าลืมแวะที่นี่และครุ่นคิดถึงเรื่องราวน่าสนใจที่พัวพันกับสะพานอิฐที่เก่าแก่นี้
ขับรถไปตามถนนเลียบชายฝั่งที่ตระการตา และชื่นชมความงดงามที่เห็นเด่นชัดของแนวชายฝั่งทะเลที่เป็นธรรมชาติแห่งนี้ ยากที่จะเชื่อได้ว่าสถานที่สวยงามเช่นนี้จะมีประวัติศาสตร์ที่มืดดำเช่นนี้ แต่นี่แหละคือสิ่งที่คุณจะพบที่สะพานบลัดดี้ จอดรถแล้วเดินออกมาสำรวจแลนด์มาร์คอันเป็นมรดกอย่างใกล้ชิด คนในพื้นที่กล่าวว่าสะพานนี้สร้างขึ้นภายใต้สายตาที่จับจ้องของผู้คุมนักโทษที่ไร้ความปรานี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานที่ยากลำบาก ตรวนหนักอึ้งที่ล่ามข้อเท้า หรือว่าการก่อกบฏต่อผู้คุมงาน แก๊งคนงานก็ได้แทงและสังหารผู้คุมคนนี้ ตำนานเล่าขานมาว่าร่างของชายผู้นี้ถูกตรึงแขวนไว้ภายในอิฐและปูนก่อ วันรุ่งขึ้น ผู้คุมที่มาแทนจึงได้ทราบชะตากรรมของผู้คุมคนก่อน เมื่อเล่ากันว่าเลือดเริ่มที่จะซึมออกมาจากรอยต่อระหว่างอิฐ
ทอดสายตาข้ามสะพานออกไปและชื่นชมการก่อสร้างที่แน่วแน่ของสะพานประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งสร้างขึ้นภายใต้สภาพที่น่าสยดสยองเช่นนั้น ถ่ายภาพปูนก่อสีสนิมและอิฐบลูสโตนทรงกลม มองลงไปจากสะพานเพื่อดูลำธารที่ไหลผ่านระหว่างช่องโค้ง
ไม่ว่านิทานเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม สะพานบลัดดี้ก็เป็นจุดที่สวยงามที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์อันน่าสยดสยองของเมืองคิงส์ตันและเรื่องราวที่มีสีสันของผู้ต้องโทษของเกาะนอร์ฟอล์ก รวมสะพานแห่งนี้ไว้ในแผนการเดินทางของคุณด้วย เมื่อคุณขับรถเที่ยวด้วยตัวเองตามชายฝั่งทิศใต้อันตระการตาของเกาะ
สะพานแห่งนี้อยู่ในระยะขับรถ 5 นาทีหรือระยะเดิน 15 นาทีจากเมืองคิงส์ตันไปทางทิศตะวันออก จอดรถข้างถนนได้ฟรี และเพลิดเพลินกับทัศนียภาพมหาสมุทรอันน่าทึ่งในบริเวณนี้ ใกล้ๆ กัน คุณจะพบกับผืนทรายที่กว้างใหญ่ของเซเมเทรีเบย์และหัวแหลมของแหลมฮันเตอร์ที่มีต้นสนขึ้นเรียงราย