มหาวิหารเซนต์แพทริคเป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไอร์แลนด์ โดยตั้งอยู่บนที่ที่มีโบสถ์ก่อสร้างอยู่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 9 แม้ว่ามหาวิหารแห่งนี้จะมีสถานะเป็นมหาวิหารแห่งชาติ แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีตำแหน่งบิชอปประจำอยู่เนื่องจากเมืองดับลินมีมหาวิหารอยู่สองแห่ง ชื่นชมยอดแหลมแกรนิตสูง 31 เมตรเหนือหอคอยมินอตที่สูงกว่า 45 เมตร ทั้งนี้ ตัวโบสถ์ปัจจุบันนั้นก่อสร้างขึ้นในปี 1220
เดินลอดประตูทางเข้าขนาดใหญ่ที่ส่วนหน้าของอาคารแล้วชื่นชมทางเดินกลางอันวิจิตรบรรจง เยี่ยมชมบริเวณที่ยืนของนักร้องประสานเสียง และสัมผัสบรรยากาศอันอบอุ่นที่เกิดจากโทนสีน้ำตาล สีแดง และลวดลายอันวิจิตรบนพื้น นอกจากนี้ยังมีบริการนำเที่ยวหลายครั้งทุกวันตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันเสาร์ นักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดเครื่องบรรยายออดิโอไกด์ได้เพื่อความเข้าใจที่กระจ่างมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับลักษณะต่างๆ ของโบสถ์
ชมหลุมฝังศพและถ้อยคำจารึกของนักเขียน โจนาธาน สวิฟท์ ผู้เป็นอธิการของมหาวิหารแห่งนี้ในศตวรรษที่ 18 ซื้อของที่ระลึกและวัตถุทางศาสนาได้จากร้านขายของฝาก
ฟังการแสดงดนตรีในสถานที่จัดงานทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ แล้วลองฟังระบบเสียงอันไพเราะขณะที่เสียงก้องกังวาลไปทั่วผนังสมัยยุคกลาง ชมออร์แกนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดตัวหนึ่งของประเทศ โดยมีท่อมากกว่า 4,000 ท่อ ซึ่งบางส่วนมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 17
ผ่อนคลายในบริเวณอันเงียบสงบของสวนสาธารณะเซนต์แพทริคที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของโบสถ์ เพลิดเพลินกับการปิกนิกบนสนามหญ้าพร้อมทิวทัศน์ของผลงานชิ้นเอกสไตล์กอทิกแห่งนี้
เรียนรู้เกี่ยวกับสถานะอันไม่เหมือนใครของดับลินในการเป็นเมืองที่มีมหาวิหารสองแห่ง ซึ่งมีความตึงเครียดเกิดขึ้นระหว่างมหาวิหารทั้งสองแห่งมานานหลายศตวรรษตั้งแต่ยุคกลาง ท้ายที่สุด ก็มีการตกลงกันว่ามหาวิหารเซนต์แพทริคจะเป็นมหาวิหารแห่งชาติ ส่วนมหาวิหารไครสต์เชิร์ชจะเป็นมหาวิหารแห่งดับลินและเกลนดาโลค
มีค่าธรรมเนียมในการเข้าชมตัวโบสถ์สำหรับนักท่องเที่ยว ส่วนตัวโบสถ์น้อยสามารถเข้าสวดภาวนาได้ฟรี ในวันจันทร์ถึงวันเสาร์ มหาวิหารเปิดตั้งแต่เช้าถึงบ่ายแก่ๆ ส่วนในวันอาทิตย์เวลาเปิดจะคร่อมกับช่วงพิธีการ
มหาวิหารเซนต์แพทริคอยู่ทางตอนใต้ของเมือง จากสะพานโอโดโนแวน รอสซา ให้เดินลงใต้ผ่านมหาวิหารไครสต์เชิร์ชและมิลเลนเนียมไชลด์เป็นเวลาไม่เกิน 10 นาทีเพื่อมายังมหาวิหารแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารหลายสายที่ส่งผู้โดยสารถึงถนนที่อยู่ติดกัน