โบสถ์เซนต์แมรีในวิทบีมีชื่อเสียงจากนวนิยาย เมื่อปรากฏในเรื่องแดรกคูลาของแบรม สโตเกอร์ แต่โบสถ์น้อยยุคกลางหลังนี้ก็มีชื่อเสียงจากประวัติศาสตร์อันยาวนานและลักษณะสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานกันอย่างมีสีสันด้วย เดินขึ้นบันได 199 ขั้นเพื่อไปที่โบสถ์ หยุดพักชมวิวอ่าวของเมืองวิทบีที่มองเห็นได้รอบด้านและแนวชายฝั่งของนอร์ทยอร์คเชียร์ แล้วเข้าไปข้างในเพื่อครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ บนทางเดินกลางโบสถ์ที่แบ่งเป็นชั้นๆ
ชมสถาปัตยกรรมและการออกแบบของอาคารที่รวมเอกลักษณ์ของยุคสมัยที่แตกต่างกันในประวัติศาสตร์เข้าด้วยกัน หอคอยของโบสถ์เป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดส่วนหนึ่งของโครงสร้างปัจจุบัน ซึ่งมีอายุย้อนกลับได้ถึงราวๆ ปี 1110 ในขณะที่ส่วนอื่นๆ ของโบสถ์ถูกเพิ่มเข้ามาหลังจากนั้น ภายในได้รับการตกแต่งใหม่ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1700 และต่อเติมมุขทางเข้าในช่วงต้นศตวรรษที่ 19
สัมผัสความรู้สึกสงบภายในโบสถ์ ซึ่งมีเครื่องเรือนและข้าวของตกแต่งที่มีอายุหลายร้อยปีนับตั้งแต่มีสิ่งปลูกสร้างนี้ มองหาเตาถ่านที่ไม่เหมือนใครของโบสถ์หลังนี้ อีกทั้งเอียร์ทรัมเป็ตสองตัวที่เป็นสมบัติของภรรยาของนักบวชในสมัยศตวรรษที่ 19 ทางเดินกลางโบสถ์ยังเป็นที่ตั้งของแท่นเทศน์สามชั้น แท่นบูชาที่ประดับอย่างอลังการ และหน้าต่างกระจกสีโดยเคมป์อีกด้วย
เดินเข้าไปในสุสานอันสงบ เพื่อไปดูสถานที่ที่แบรม สโตเกอร์กำหนดให้เป็นฉากของนวนิยายแดรกคูลาของเขา Dracula Experience จะพาเที่ยวชมเมืองวิทบีในแบบสยองขวัญผ่านเรื่องราวอันโด่งดังนี้โดยใช้การจัดแสดงมัลติมีเดีย
สำรวจซากอารามวิทบีที่มีบรรยากาศน่ากลัว ซึ่งอยู่ติดกับโบสถ์ อารามจากศตวรรษที่ 13 แห่งนี้จัดงานกลางแจ้งตลอดทั้งปี เช่น การแสดงนกเหยี่ยว และเวิร์คช้อปแบบอินเทอร์แอคทีฟสำหรับเด็ก ใช้เวลาชั่วครู่เพื่อชื่นชมภาพวิวอันกว้างขวางของเมืองและชายฝั่งจากจุดชมวิวที่อยู่สูงนี้
เดินไปที่โบสถ์เซนต์แมรีจากสถานีวิทบีโดยข้ามแม่น้ำ แล้วก็เดินขึ้นขั้นบันได 199 ขั้นที่โด่งดังเพื่อเข้าตัวโบสถ์ การเดินจะใช้เวลาราว 10 นาที โบสถ์เปิดตลอดทั้งสัปดาห์ แต่เช้าวันอาทิตย์จะสงวนไว้สำหรับการประกอบพิธีสักการะ