อนุสาวรีย์การโจมตีรถไฟหุ้มเกราะตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การโจมตีรถไฟหุ้มเกราะ มาดูจุดที่ดร. เออร์เนสโต “เช” เกวารากับนักปฏิวัติรุ่นหนุ่มเพียงหยิบมือเดียวได้รับชัยชนะครั้งสำคัญในการปฏิวัติของคิวบา ซึ่งได้ถอดฟุลเคนซิโอ บาติสตาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี
เรียนรู้เกี่ยวกับการสู้รบที่มีชื่อเสียงครั้งนี้ ซึ่งช่วยสร้างตำนานของเชว่าเป็นนักวางกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ผู้นำทหารที่กล้าหาญและวีรบุรุษของชาวบ้าน เมื่อปลายเดือนธันวาคม ค.ศ. 1958 บาติสตาได้ส่งกองกำลังของรัฐบาลที่มีประสบการณ์และติดอาวุธหนัก 370 คนบนรถไฟหุ้มเกราะจากฮาวานาไปยังซานตาคลารา เพื่อต่อสู้กับกองกำลังต่อต้านรัฐบาลที่ขมขู่การปกครองของเขา ในขณะเดียวกัน เชและกองกำลังรุ่นหนุ่มเพียง 18 คนเตรียมตัวโจมตีรถไฟ ซึ่งอาจนับเป็นภารกิจพลีชีพ
ในวันที่ 29 ธันวาคม เชได้เกณฑ์รถปราบดินให้ดันรางรถไฟเพื่อให้รถไฟตกรางนอกเมืองซานตาคลารา ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง กองกำลังของเขาได้พิชิตกองกำลังของรัฐบาลที่ใหญ่กว่ามาก โดยใช้ระเบิดเพลิงที่ทำขึ้นเอง ซึ่งเป็นชัยชนะที่ชี้ขาดสำหรับกองกำลังปฏิวัติ บาติสตาหนีออกนอกประเทศในแทบจะทันที มาดูรถปราบดิน Caterpillar สีเหลืองสดที่โด่งดังในการสู้รบบนแท่นดาวห้าแฉกในสถานที่นี้ ซึ่งปัจจุบันเป็นอนุสาวรีย์แด่วีรบุรุษแห่งการปฏิวัติ
มองหาองค์ประกอบอื่นๆ ของอนุสาวรีย์ รวมทั้งเสาศิลาอนุสรณ์สูงที่อุทิศให้กับเช ซึ่งมีคำบรรยายการสู้รบ ในบริเวณใกล้เคียงกัน ประติมากรรมโดยศิลปินในบริเวณใกล้เคียง โฮเซ เดลาร์รา สร้างอุทิศให้แก่วีรกรรมของเช เกวาราและกามิโล เซียนฟูเอกอส เศษคอนกรีตแหลมยาวโผล่ขึ้นมากระจัดกระจายจากพื้นดิน เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการระเบิด
ก้าวเข้าไปในตู้สัมภาระสีแดงสด ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บภาพถ่ายของการทำลายดั้งเดิม แผนที่และหลักฐานจากทั้งสองด้านของความขัดแย้ง รวมทั้งอาวุธ เสื้อผ้า อุปกรณ์ยังชีพ และขวดน้ำที่พบได้ทั่วไปที่นำไปใช้ในการทำค็อกเทลโมโลตอฟ สิ่งของหลายชิ้นมีป้ายบรรยายเป็นภาษาสเปนและภาษาอังกฤษ ตู้หนึ่งถูกกำหนดให้เป็นหอศิลป์
มาที่อนุสาวรีย์การโจมตีรถไฟหุ้มเกราะโดยเดินมาไม่ถึง 10 นาทีทางตะวันออกเฉียงเหนือของสวนสาธารณะเลออนซิโอ บีดัล พิพิธภัณฑ์ตู้สัมภาระไม่เก็บค่าเข้าชม ไม่กี่ช่วงตึกนอกตัวเมือง จะพบกับรูปปั้นที่น่าสนใจของเชกำลังอุ้มเด็ก โดยมีสัญลักษณ์อื่นๆ อีกมากมาย รวมทั้งรถมอเตอร์ไซค์และกองกำลังโบลิเวียของเขา