พิจารณาดูกะโหลกของบรรพบุรุษมนุษย์ยุคเริ่มแรก และวัตถุล้ำค่าชิ้นอื่นๆ ซึ่งถูกค้นพบในแหล่งมรดกโลก Cradle of Humankind ได้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติ เดินชมพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่จากศตวรรษที่ 19 ซึ่งในอดีตมีชื่อว่าพิพิธภัณฑ์ทรานส์วาลที่ย่านใจกลางพริทอเรีย เพื่อชมนกเฉพาะถิ่นหลายร้อยสายพันธุ์ ฟอสซิล และสิ่งอื่นอีกมาก
เมื่อก้าวเข้าสู่บริเวณพิพิธภัณฑ์แล้ว หยุดแวะชมส่วนหน้าอาคารแบบนีโอคลาสสิกขนาดมหึมา พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติสร้างขึ้นเมื่อธันวาคมปี 1892 ดูโดดเด่นด้วยเสาสีทรายซึ่งตั้งเรียงรายเป็นแนวยาว ศึกษาโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์
วัตถุสำคัญที่สุดในคอลเลคชันของพิพิธภัณฑ์ คือ “Mrs. Ples” โดยกะโหลกซึ่งกลายเป็นฟอสซิลนี้ถูกค้นพบเมื่อปี 1947 ใน Cradle of Humankind เชื่อกันว่าเป็นของบรรพบุรุษยุคแรกเริ่มของมนุษยชาติ พิเคราะห์ดูกะโหลกตัวอย่างชิ้นนี้ ซึ่งน่าจะมีอายุถึง 2.1 ล้านปี
พิพิธภัณฑ์เน้นประวัติศาสตร์วิวัฒนาการของชีวิตบนผืนโลก ติดตามชมนิทรรศการของพิพิธภัณฑ์เพื่อทราบถึงการที่ชีวิตต่างๆ พัฒนาขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวจนกลายเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สัตว์เลื้อยคลาน เรื่อยมาจนถึงมนุษย์
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติมีตัวอย่างแสดงหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์สตัฟฟ์ โครงกระดูก และฟอสซิลโบราณ ทั้งหมดถูกนำมารวมกันเพื่อแสดงมิติอันกว้างขวางของชีวิต ดูช้างใหญ่ซึ่งอยู่บนแท่นตรงกลางล็อบบี้
เข้าสู่โถงแสดงนก Austin Roberts เพื่อชมคอลเลคชันหนึ่งซึ่งเป็นที่ภาคภูมิยิ่งของพิพิธภัณฑ์ ด้วยนกกว่า 50,000 ชีวิตจาก 60 ประเทศ ทำให้คอลเลคชันนกของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติมีจำนวนมากที่สุดในแอฟริกาใต้ ชื่นชมสีสันอันจับตาของนกกว่า 800 สายพันธุ์ที่มีถิ่นเฉพาะอยู่ในแอฟริกาใต้
เด็กๆ จะชื่นชอบศูนย์การค้นพบของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งสอนความมหัศจรรย์ของธรรมชาติโดยกระตุ้นเร้าสัมผัสทั้งห้าของพวกเขา เมื่อเยี่ยมชมจนจบแล้ว แวะร้านค้าของฝากเพื่อเลือกซื้อสินค้าสนุกๆ และให้ความรู้สำหรับผู้รักวิทยาศาสตร์
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติอยู่ห่างออกมาทางใต้ไม่กี่ช่วงตึกจาก Church Square โดยสารรถบัสหรือเดินเท้ามายังพิพิธภัณฑ์จากที่ใดก็ได้ในย่านใจกลางเมือง พิพิธภัณฑ์เปิดทำการทุกวัน และมีค่าธรรมเนียมการเข้าชม