การากัสเป็นเมืองในละตินอเมริกาที่มีความก้าวหน้าเป็นลำดับต้นๆ ดึงดูดผู้คนต่างชาติต่างภาษามาสู่เมืองทันสมัยที่ไม่รู้จักหยุดนิ่งแห่งนี้ สำรวจวัฒนธรรมอันรุ่มรวย ประวัติความเป็นมาหลายร้อยปี และท่องราตรีแสนเร้าใจท่ามกลางตึกระฟ้าทันสมัย
ชมศิลปะ ประวัติศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ณ เมืองหลวงของเวเนซุเอลา ชมงานศิลปะละตินอเมริกา ยุโรป และอเมริกาเหนือที่พิพิธภัณฑ์ Museo de Bellas Artes เรียนรู้เกี่ยวกับโบราณคดีและมานุษยวิทยาของประเทศนี้ที่ Museo de Ciencias ณ โดมสีทองของ Capitolio Nacional ชมภาพเขียนบนผนังที่บอกเล่าเรื่องราวของศึกชี้ชะตาที่นำไปสู่การกอบกู้อิสรภาพของเวเนซุเอลาจากสเปน
จากนั้นคารวะวีรชนของประเทศที่ได้รับการจารึกชื่อ ณ ถนน Paseo de los Proceres ซึ่งยาวกว่า 2 กิโลเมตร รูปปั้นและอนุสาวรีย์ของบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ท่ามกลางน้ำพุ จัตุรัส และทางเดิน
การากัสโอบล้อมด้วยธรรมชาติงดงามท่ามกลางหุบเขาอวิลา หลีกหนีจากเมืองที่พลุกพล่านไปเดินป่าและสูดอากาศสดชื่นที่อุทยานแห่งชาติอวิลาอันเขียวชอุ่ม ขึ้นกระเช้าลอยฟ้าจากเมืองหลวงสู่พื้นที่ภูเขาสลับซับซ้อน
หรือผ่อนคลายในพื้นที่สีเขียวกลางเมือง สวนสาธารณะ East Park เป็นสถานที่พักผ่อนซึ่งได้รับความนิยมที่สุดในการากัส มีชื่อทางการว่าสวนสาธารณะ Generalissimo Francisco de Miranda Park ซึ่งตั้งชื่อตามวีรบุรุษคนสำคัญของประเทศ เดินเรื่อยๆ ท่ามกลางพื้นที่ป่า แวะพักขาริมทะเลสาบ จากนั้นดูสิงสาราสัตว์ที่สวนสัตว์ มุ่งหน้าสู่ชายหาดของการากัสที่ห่างจากตัวเมืองโดยใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ 30 นาที แล้วรับลมทะเลแคริบเบียนสีฟ้าคราม
ชาวการากัสรักการท่องราตรีเป็นชีวิตจิตใจ บาร์ คลับ และที่แสดงดนตรีสดหลายแห่งจึงเปิดถึงเช้า สัมผัสแสงสียามค่ำคืนที่ Las Mercedes, Altamira และ El Rosal
บินสู่การากัสโดยมุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติ Simon Bolivar ที่ห่างจากตัวเมือง 26 กิโลเมตร เช่ารถยนต์หรือขึ้นรถไฟเพื่อไปเที่ยวที่ต่างๆ อย่างสะดวก ในการากัสมีรถประจำทาง 2 แบบให้บริการ ได้แก่ รถบัสสาธารณะที่มีราคาแพงกว่า และรถบัสเล็กที่ให้บริการโดยเอกชนซึ่งสภาพด้อยกว่า ส่วนแท็กซี่นั้นหาง่าย และไม่มีการใช้มิเตอร์ ดังนั้นฝึกทักษะการต่อราคาให้ดีและตกลงให้เรียบร้อยก่อนขึ้นรถ
เที่ยวการากัสได้ทั้งปี เพราะเมืองนี้อยู่ในเขตภูมิอากาศร้อนชื้นที่มีแดดสดใส