ฮาราจูกุเป็นที่รู้จักอย่างดีในฐานะย่านที่มีบรรดาวัยรุ่นออกมาเที่ยวและเดินวางมาดในสไตล์ของตัวเองตามท้องถนน ละแวกนี้มีร้านค้าใหญ่ๆ มากมายที่จำหน่ายตั้งแต่สินค้าธรรมดาไปจนถึงสินค้าแนวผจญภัย เดินไปตามถนนเพื่อชมแฟชันแห่งอนาคต
กฎทั่วไปของสไตล์ฮาราจูกุก็คือสวมใส่อะไรก็ได้ที่คุณเชื่อว่าดูดีโดยไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร สังเกตบรรดาวัยรุ่นผสมผสานสไตล์การแต่งกายในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีแรงบันดาลใจแตกต่างกันไปตั้งแต่แนวโกธิคไปจนถึงพังก์ สตีมพังก์ และร็อกอบิลลี่
ร้านค้าที่น่าสนใจส่วนใหญ่ของฮาราจูกุรวมอยู่ตามถนนทะเคะชิตะและสองข้างทางของถนน เดินไปตามถนนแคบๆ ที่มักจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและวัยรุ่นสมัยใหม่ที่เดินดูร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ร้านบูติก และร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด
พักรับประทานอาหารว่างและลองชิมเครปญี่ปุ่นที่ Marion Crêpes เครปญี่ปุ่นจะไม่เหมือนกับเครปฝรั่งเศสตรงที่มักใส่เครื่องปรุงสดๆ อย่างเช่นผลไม้ จากนั้นห่อใส่โคน ช่วยให้รับประทานง่ายขณะเดินทาง
ทางใต้ของถนนทะเคะชิตะจะพบโอะโมะเตะซังโดะที่มักจะบอกกันว่าเป็นช็องเซลีเซของโตเกียว ถนนย่านกลุ่มคนมีรายได้สูงแห่งนี้แตกต่างจากถนนทะเคะชิตะตรงที่เน้นกลุ่มคนที่มีอายุขึ้นมาหน่อย เดินดูตามร้านดีไซเนอร์ คาเฟ่ และร้านบูติกระดับสูง รวมถึงร้าน Louis Vuitton ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ค้นหาสินค้าราคาประหยัดที่ร้าน 100 เยนไดโซะ ฮาราจูกุ ซึ่งจำหน่ายทุกอย่างตั้งแต่เครื่องครัวไปจนถึงเครื่องเขียน แม้ว่าราคาใน “ร้านขายของราคาถูก” จะถูกมาก แต่ร้าน 100 เยนในญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าสินค้ามีคุณภาพสูงอย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว
อย่าพลาด Oriental Bazaar ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว ศูนย์การค้าสามชั้นเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเลือกซื้อกิโมโน เฟอร์นิเจอร์ ของสะสมเกี่ยวกับซามุไร ตุ๊กตา และสินค้าญี่ปุ่นดั้งเดิมอื่นๆ
แวะฮาราจูกุทุกวันอาทิตย์ช่วงที่บรรดาวัยรุ่นต่างมารวมตัวกันแถวๆ สถานีฮาราจูกุเพื่อสัมผัสการแต่ง “คอสเพลย์” ซึ่งก็คือการแต่งกายเลียนแบบตัวละครจากอนิเม หนังสือการ์ตูน ภาพยนตร์ หรือวิดีโอเกม พบสถานีฮาราจูกุได้ที่เส้นทางรถไฟสายยะมะโนะเตะซึ่งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟชินจุกุและสถานีชิบุยะ