มาที่ “ราชินีแห่งสถานีบนขุนเขา” เพื่อสูดไอเย็นของอากาศ พลางบรรจงจิบชาชั้นดีในสวนกุหลาบสไตล์อังกฤษ สำรวจเส้นทางเดินเขารอบด้าน หรือรู้จักกับกลุ่มชนชาว Toda ผู้เคยอาศัยอยู่ตามลำพังนานหลายศตวรรษก่อนชาติอังกฤษจะเข้ามา
อูตี้ หรือชื่อเต็ม อูตากามันดาลัม ก่อตั้งขึ้นช่วงต้นศตวรรษที่ 19 หลังจากนายใหญ่ชาวอังกฤษ John Sullivan เห็นศักยภาพของพื้นที่นี้สำหรับใช้เป็นไร่ปลูกชา ในช่วงสิบปีจากนั้น ที่นี่ได้กลายเป็นแหล่งปลูกชาขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ สมัยที่เป็นสถานีบนเขาซึ่งเหล่าชนชั้นสูงชาวอังกฤษใช้เป็นเมืองตากอากาศหลบร้อน ที่แห่งนี้ถูกเรียกว่า “อูตี้เมืองยะโส” แต่ในปัจจุบันคุณจะไม่ได้พบความเย่อหยิ่งหลงยุคแต่อย่างใด เหลือแค่เพียงสวนพรรณไม้ สถาปัตยกรรม และไร่ชาที่ชาวอังกฤษทิ้งไว้เท่านั้น
การเดินทางที่ดีที่สุดมายังอูตี้คือทางรถไฟสายภูเขานิลคีรี ซึ่งเป็นรถไอน้ำเปี่ยมด้วยมนต์ขลัง ให้วิวสุดวิเศษขณะไต่ขึ้นสู่ความสูง 2,286 เมตรไปยังใจกลางเมืองอูตี้ หากคุณไม่นิยมโดยสารรถไฟก็ยังมีเส้นทางถนนพาขึ้นเขาได้เช่นกัน
เมื่อถึงตัวเมืองแล้วคุณควรสำรวจดูร่องรอยจากสมัยที่อินเดียยังเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ สวนกุหลาบรัฐบาลมีขนาดกว้างขวางที่สุดในอินเดีย ในขณะที่สวนพฤกษศาสตร์อูตี้มีพืชพันธุ์หายากนานาชนิดจัดแสดงให้ชม สังเกตดูชื่อถนนหนทางที่เป็นอังกฤษอย่างเห็นได้ชัด อาทิ Charring Cross ซึ่งเป็นทางแยกใหญ่ในตัวเมือง
ออกจากเมืองไปสำรวจชมนิลคีรี (เทือกเขาสีน้ำเงิน) และลองลิ้มรสชาติของชาสดใหม่ที่สุดที่คุณเคยพบเจอระหว่างแวะเที่ยวที่ไร่ชาแห่งใดแห่งหนึ่งซึ่งมีอยู่มากมาย นักเดินเขาจะชื่นชอบเส้นทางไปยังยอดเขา Doddabetta ซึ่งเป็นเขาลูกที่สูงที่สุดในแถบนี้ อยู่ถัดจากตัวเมืองออกไปทางทิศเหนือ บุกลึกออกไปอีกสักหน่อยแล้วคุณจะพบเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า เช่น อุทยานแห่งชาติ Mudumalai ที่เปิดโอกาสให้คุณส่องดูเสือและสัตว์ป่าอื่นๆ
เดือนเมษายนถึงมิถุนายนเป็นช่วงเวลายอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวอูตี้ เนื่องจากมีอุณหภูมิที่ไม่หนาวจนเกินไป และให้คุณได้หลบจากความร้อนระอุของบริเวณที่ราบระดับน้ำทะเล ช่วงเดือนตุลาคมถึงมีนาคมอาจเย็นจัด ควรจัดเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นหากคุณจะมาเดินทางมาในช่วงเวลานี้