มันดูเรียเป็นเมืองเก่าที่เปี่ยมเสน่ห์ อุดมด้วยเรื่องราวในประวัติศาสตร์โบราณที่ยาวนาน ซึ่งยังคงมีหลักฐานอยู่ในปัจจุบัน พบกับเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่จารึกอยู่ตามผนังหินมหึมา อุทยานโบราณคดี โบสถ์เก่า และประเพณีการผลิตไวน์ ท่องไปตามตรอกแคบๆ เพื่อชมสมบัติทางประวัติศาสตร์จากยุคอดีต และชิมไวน์ที่ผลิตขึ้นในพื้นที่มาเป็นเวลาหลายร้อยปี
มันดูเรียมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากกว่า 2,000 ปี ที่นี่เป็นฐานที่มั่นสำคัญในการต้านการโจมตีของชาวสปาร์ตันจากกรีซ กษัตริย์แห่งสปาร์ตาได้สิ้นพระชนม์ลงที่นี่ในระหว่างการสู้รบในปีที่ 338 ก่อนคริสตกาล
ที่บริเวณภายนอกเมืองอันทันสมัยนี้เป็นที่ตั้งของ อุทยานโบราณคดี Messapian Walls ที่ช่วยเปิดเผยเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับชาวเมสซาเปียน พวกเขาเป็นชาวอินโดยูโรเปียนที่เคยอาศัยอยู่ในอิตาลีตอนใต้เมื่อครั้งโบราณกาล
ไปเยือนสถานที่สำคัญต่างๆ ของอุทยาน รวมทั้งสุสานโบราณขนาดใหญ่ที่มีการค้นพบหลุมฝังศพถึงเกือบ 1,300 หลุม ชมกลุ่มหินขนาดมหึมาที่ก่อขึ้นเป็นกำแพงยักษ์สำหรับใช้ล้อมรอบเมือง ไปชม Fonte Pliniano น้ำพุที่ถูกบรรยายถึงอยู่ในหนังสือของ Pliny the Elder นักเขียนและนักธรรมชาติวิทยาชาวโรมัน ไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งของอุทยานคือ โบสถ์น้อย San Pietro Mandurino ซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องเก็บศพจากศตวรรษที่ 8
เที่ยวชมโบสถ์เก่าต่างๆ ในระหว่างการเดินทางกลับเข้าเมือง ซึ่งรวมถึง โบสถ์แม่แห่งมันดูเรีย ที่มีประวัติย้อนไปถึงศตวรรษที่ 11 เรื่องราวประวัติศาสตร์อันน่าหลงใหลของมันดูเรียยังคงไม่หมดลง เนื่องจากยังมีที่อยู่ของชาวยิวในยุคกลางให้ได้สำรวจอีกด้วย
นอกจากนี้ มันดูเรียยังมีประวัติที่ยาวนานในการผลิตไวน์มาตั้งแต่ยุคโบราณกาล ไวน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ Primitivo di Manduria ไวน์แดงที่ผลิตจากองุ่นพันธุ์ปริมิติโว่ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ณ พิพิธภัณฑ์ไวน์ปริมิติโว่ และลองชิมไวน์จากโรงบ่มไวน์ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์
ในการเดินทางไปมันดูเรีย โดยสารเครื่องบินไปยังเมืองบรินดีซี ที่ห่างออกไปประมาณ 48 กิโลเมตร หรือเมืองบารี ที่ห่างออกไปประมาณ 130 กิโลเมตร
มันดูเรียเป็นเมืองที่ไม่มีพื้นที่ติดชายฝั่ง แต่หากต้องการสัมผัสกับบรรยากาศชายหาด ชายฝั่งมีที่ตั้งอยู่ห่างออกไปในระยะการขับขี่เพียงสองสามนาทีเท่านั้น