มหาวิหารโตเลโดไม่ได้เป็นแค่เพียงสิ่งปลูกสร้างที่สะดุดตามากที่สุดของเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นมหาวิหารที่โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งทั่วทั้งประเทศสเปน อาคารโกธิกที่สง่าโอ่โถงนี้มีของประดับตกแต่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย ยืนตะลึงไปกับภาชนะบรรจุน้ำมนต์ที่ทำด้วยทองคำและเงินระยิบระยับ สำรวจงานแกะสลักฝีมือประณีตของม้านั่งในบริเวณร้องเพลงสวด ชื่นชมกระจกสีตระการตา และชมภาพจิตรกรรมอันล้ำค่าจากศิลปินผู้มีชื่อเสียง
สถานที่ตั้งมหาวิหารประจำเมืองแห่งนี้เคยเป็นสถานที่สำหรับสักการะมายาวนาน เพราะเคยเป็นโบสถ์วิซิกอธและมัสยิดมาก่อน มหาวิหารหลังปัจจุบันส่วนใหญ่ก่อสร้างในศตวรรษที่ 13 มองดูใกล้ๆ เพื่อค้นหาร่องรอยจากลักษณะสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน อาทิ โกธิก มูเดฆาร์ และเรอเนสซองซ์
หลังจากที่ชื่นชมหอคอยภายนอกแล้ว เข้าไปข้างในผ่านประตูปูเอร์ตา เดล มอลเยเต (Puerta del Mollete) คำว่ามอลเยเต (Molette) เป็นภาษาสเปนที่แปลว่ามัฟฟิน และชื่อนี้มาจากการที่มีการแจกอาหารแก่คนยากจนที่ประตูนี้อยู่บ่อยๆ สำรวจภายในที่กว้างขวาง ซึ่งมีความยาวเกือบ 120 เมตร
ชมลำแสงลอดลดหลั่นลงมาผ่านหน้าต่างกระจกสีของมหาวิหาร ซึ่งมีอายุย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ถึงศตวรรษที่ 16 ชมประติมากรรมทาสีของฉากประดับแท่นบูชาและสถาปัตยกรรมชูร์ริเกเรสก์สไตล์บาโรกที่อลังการเบื้องหลังแท่นบูชา ห้ามพลาดชมม้านั่งไม้ในบริเวณร้องเพลงสวด ซึ่งส่วนล่างแกะสลักเป็นฉากที่แสดงภาพการยึดครองกรานาดา กุสโตเดีย เด อาร์เฟ (Custodia de Arfe) ที่สว่างจ้าเป็นประกายจนคุณต้องเอามือบังตา คือภาชนะบรรจุน้ำมนต์ที่ทำด้วยทองคำและเงินประดับอัญมณีล้ำค่า ซึ่งอยู่ในมุมของมหาวิหาร
หลังจากที่ชื่นชมทางเดินหลักกลางโบสถ์แล้ว ไปชมห้องเก็บเครื่องพิธี ซึ่งตั้งแสดงผลงานศิลปะล้ำค่าอันน่าทึ่ง สำรวจผลงานจิตรกรรมฝีมือศิลปินชื่อดัง เช่น เบลาซเกซ, การาวัจโจ, ทิเชียน และราฟาเอล เป็นต้น ผลงานที่โดดเด่นชิ้นหนึ่ง ได้แก่ Disrobing of Christ(El Spolio) ของเอลเกรโค ภาพอันทรงพลังของฝูงชนพยายามเปลื้องเสื้อคลุมสีแดงสดของพระเยซูคริสต์เพื่อเตรียมตัวประหารพระองค์
มหาวิหารโตเลโดเปิดทุกวันและคิดค่าเข้าชม ชำระเงินเพิ่มเติมเพื่อขึ้นไปชั้นบนของระเบียงมหาวิหารและหอระฆัง ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่ยอดเยี่ยมเหนือย่านประวัติศาสตร์ของเมืองโตเลโด มีเครื่องบรรยายนำเที่ยวให้บริการด้วย