สวนพฤกษศาสตร์เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กซึ่งเหมาะแก่การเดินเล่นในวันที่มีแดดเป็นที่อยู่ของพืชพรรณและดอกไม้นานาชนิด โดยทั้งหมดถูกนำเสนออย่างมีรสนิยมภายในการออกแบบภูมิทัศน์และเรือนกระจ ก ไปที่นั่นเพื่อผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับการเดินเล่นแบบสบายๆ
สวนแห่งนี้เริ่มต้นจากการเป็นสวนของเภสัชกรของจักรพรรดิปีเตอร์มหาราชในปี 1714 ในตอนแรกนั้นการเพาะปลูกพืชมีขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ แต่แล้วสวนก็เริ่มมีพืชประเภทที่แปลกใหม่และไม่ซ้ำใคร สวนแห่งนี้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นสวนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกในประเภทของสวนนั้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยเป็นรองเพียงแค่สวนคิวในลอนดอนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ที่นี่ถูกทำลายโดยสงครามโลกครั้งที่สอง และ 90 เปอร์เซ็นต์ของคอลเลกชันพรรณไม้ของที่นี่ก็ได้สูญหายไป เยี่ยมชมที่นี่ในปัจจุบันและชื่นชมว่าสวนแห่งนี้สามารถกลับคืนสู่ความรุ่งเรืองดังที่เคยมีในอดีตได้อย่างไร สังเกตว่าพืชที่รอดพ้นจากภัยสงครามมาได้นั้นถึงขั้นมีเหรียญรางวัลเพื่อเฉลิมฉลองความอยู่รอดของพวกมันเองด้วย
สวนภูมิทัศน์สไตล์อังกฤษที่ครอบคลุมพื้นที่ 220,000 ตารางเมตร แห่งนี้มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับพืชทุกสายพันธุ์ที่เรียกที่นี่ว่าบ้าน เดินผ่านพื้นที่ของเทือกเขาแอลป์ที่เงียบสงบเพื่อชมพืชจากภูมิภาคต่างๆ รวมถึงพืชจากเทือกเขาคอเคซัสของรัสเซียและเอเชียด้วย แม้กระทั่งพรรณไม้จากแดนไกล เช่น กล้วยไม้และต้นไผ่ ก็เริ่มฝังรากลึกลงในที่นี่ด้วย
แวะชมหนึ่งในเรือนกระจกทั้ง 26 หลังของสวนพฤกษศาสตร์เพื่อชมพืชและดอกไม้ที่สวยงามจำนวนมากที่มาจากถิ่นที่มีสภาพอากาศอบอุ่นกว่า ชมดอกบัวที่งดงามซึ่งอาจมีความกว้างได้มากที่สุดถึง 2 เมตรในบ้านที่มีสภาพอากาศร้อนชื้นแห่งหนึ่ง ดอกบัวเหล่านี้อาจมีน้ำหนักได้มากถึง 60 กิโลกรัม แต่ก็ไม่ต้องรู้สึกอยากทดสอบไปหรอกนะ
แวะมาที่สวนแห่งนี้ในช่วงต้นฤดูร้อนเพื่อโอกาสที่จะได้ร่ว มงาน Tsaritsa Nochi (ราชินีแห่งรัตติกาล) พืชที่แปลกประหลาดนี้จะบานเพียงแค่คืนเดียวในทุกๆ ปี และเนื่องในโอกาสที่สำคัญยิ่งนี้ สถานที่แห่งนี้จึงเปิดให้เข้าชมได้ตลอดทั้งคืนเพื่อเฉลิมฉลองด้วยแชมเปญ แม้ว่าจะไม่มีวิธีการคำนวณเวลาการออกดอกอย่างถูกต้องแม่นยำ แต่โดยทั่วไปแล้วพืชนี้จะเบ่งบานในเดือนมิถุนายน
สามารถเดินทางมายังสวนพฤกษศาสตร์เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้ผ่านสถานีรถไฟใต้ดิน Petrogradskaya เดินไปยังประตูทางเข้าที่เป็นจุดตัดกันของถนน Aptekarsky per และ nab reki Karpovki สวนแห่งนี้มีค่าเข้าชม เรือนกระจกเปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปีตั้งแต่วันอังคารถึงวันอาทิตย์ แต่ในส่วนของสวนนั้นจะเปิดตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายนเท่านั้น (วันอังคารถึงวันอาทิตย์เช่นกัน)
