Pfeiffer Big Sur State Park เป็นอุทยานประจำรัฐซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1,000 เอเคอร์ (400 เฮกตาร์) บนชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย บริเวณนี้ตั้งชื่อตาม John Pfeiffer ซึ่งต้นตระกูลของเขาเป็นชาวยุโรปที่มาตั้งถิ่นฐานในช่วงศตวรรษที่ 19 อุทยานแห่งนี้เต็มไปด้วยทิวทัศน์งดงามทั่วทั้งหุบเขา Big Sur ช่องแคบแม่น้ำ Big Sur และมหาสมุทรแปซิฟิก นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับกิจกรรมการเดินป่า ตั้งแคมป์ และว่ายน้ำอีกด้วย คุณจะได้พบต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงไม้แดง โอ๊ค ไม้จำพวกมะเดื่อ และเมเปิล หากมองให้ดีคุณอาจได้พบสัตว์ป่านานาพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นกวางหางดำ แรคคูน สกังค์ หรือนกหลากหลายชนิด
ขอแนะนำให้สำรวจอุทยานด้วยการเดินเพื่อที่จะได้ไม่พลาดความงามในแต่ละจุด เดินสำรวจไปตามเส้นทาง Valley View ความยาว 5 กิโลเมตรที่จะนำคุณไปยังน้ำตก Pfeiffer ซึ่งมีความสูง 18 เมตรของอุทยาน ทางเดินนี้มีจุดที่ลาดชันบางส่วนและสูงถึง 60 เมตร ทำให้คุณได้เห็นวิวของน้ำตก รวมถึงลำธารและป่าไม้แดงอันอุดมสมบูรณ์ในอุทยาน สำหรับนักเดินป่าที่มีประสบการณ์โชกโชน คุณอาจลองเส้นทาง Ewoldsen ความยาว 7 กิโลเมตรของอุทยาน Julie Pfeiffer Burns Park ที่อยู่ใกล้ๆ กันก็ได้ เส้นทางนี้ลาดชันกว่าและสมบุกสมบันกว่าในหลายๆ ส่วน อย่าพลาดน้ำตก McWay ซึ่งมีสายน้ำไหลจากหน้าผาลงสู่ชายหาดโดยตรง แม้หาดนี้จะไม่เปิดให้เข้า แต่คุณสามารถชมวิวอันตระการตาได้ตลอดทั้งปี โดยไปที่จุดชมวิวใกล้ที่จอดรถ
ในฤดูร้อน คุณสามารถลงแหวกว่ายในแม่น้ำ Big Sur ซึ่งตัดผ่านอุทยานและไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิกริมแม่น้ำมีจุดตั้งแคมป์ให้คุณได้ปักเต็นท์ชมวิวอันงดงาม อุทยานแห่งนี้มีศูนย์ให้บริการข้อมูล แผงขายสินค้า ห้องสุขา ห้องอาบน้ำ และบริการซักผ้า นอกจากนี้ยังมี Big Sur Lodge ซึ่งให้บริการที่พักสไตล์โมเต็ลและร้านอาหารอีกด้วย
Pfeiffer Big Sur State Park อยู่ติดกับบริเวณ Ventana Wilderness ซึ่งเป็นทางเดินป่าที่มีระยะทางยาวออกไปอีก 515 กิโลเมตร บริเวณนี้อยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินใหญ่จากชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย โดยอยู่ทางใต้ของ Carmel ลงมา 42 กิโลเมตร วิธีเดินทางที่ดีที่สุดคือการขับรถ นอกจากนี้คุณยังสามารถมาพร้อมทัวร์รถโดยสารตามแนวชายฝั่งซึ่งมีบริษัททัวร์ให้บริการจากมอนเตร์เรย์ อุทยานแห่งนี้เปิดก่อนอาทิตย์ขึ้น 30 นาทีและปิดหลังอาทิตย์ตก ขอแนะนำให้นำอาหารปิกนิกหรือของว่างมาด้วย เพราะที่นี่มีเพียงคาเฟ่และร้านขายของชำที่ Big Sur Lodge