นัตเชซ์ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งของมิสซิสซิปปี เป็นเมืองริมแม่น้ำที่ดูเชยๆ แต่ก็ถูกปรุงแต่งให้มีความทันสมัยเพิ่มเติมเข้ามา ชื่อเมืองตั้งขึ้นมาจากชนเผ่าอเมริกันอินเดียนที่เคยอยู่อาศัยในเขตนี้มาแต่ดั้งเดิม เมืองนัตเชซ์นั้นให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ในอดีตที่เกี่ยวข้องกับผู้ก่อตั้ง สามารถเข้าชมได้ที่ Grand Village ซึ่งเป็นสถานที่เชิงโบราณคดีที่จำลองการสร้างเมืองอาณานิคมดั้งเดิม และยังมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งรวบรวมสิ่งประดิษฐ์ที่ขุดค้นมาได้จากบริเวณดังกล่าว
ตัวเมืองของนัตเชซ์อยู่ริมแม่น้ำ มีร้านค้า ร้านอาหารและแกลเลอรีศิลปะให้เลือกชม เดินเล่นตามถนนซิลเวอร์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดนัดพบยอดนิยมในหมู่โจรสลัดแม่น้ำและนักพนัน จากนั้น พักดื่มเครื่องดื่มกันหน่อยที่ Under-the-Hill-Saloon ซึ่งเป็นบาร์ที่เปิดบริการมาตั้งแต่ทศวรรษ 1800
เมืองนัตเชซ์รอบล้อมด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์วิคตอเรียน เมื่อคุณเดินตามถนนหนทางของนัตเชซ์แล้วจะรู้สึกเหมือนได้เดินย้อนกลับเข้าสู่อดีตเลยทีเดียว จากนั้น เติมเต็มประสบการณ์การทัวร์ยุคอดีตแบบ Antebellum Era ไปกับการทัวร์ตัวเมืองด้วยรถม้าลากเลื่อน และจบการเดินทางที่วิทยาลัย Historic Jefferson College ซึ่งเป็นวิทยาลัยแห่งแรกของมิสซิสซิปปี ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มอบประสบการณ์เกี่ยวกับความรู้ชั้นสูงในสมัยต้นศตวรรษที่ 19
สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของนัตเชซ์นั้นมักจะอยู่ใกล้กับแม่น้ำมิสซิสซิปปี ริมน้ำจะมีเส้นทางเดินหรือเส้นทางสำหรับปั่นจักรยาน ส่วนที่สวน Bluff นั้นเป็นที่ที่เหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ตกดินลงสู่แม่น้ำ จากนั้นไปกันต่อที่ Isle of Capri and Magnolia Bluffs ซึ่งเป็นคาสิโนที่ออกแบบมาให้เหมือนบ้านโบราณริมแม่น้ำที่พบได้ในช่วงปลายทศวรรษ 1800
ถนนทุกๆ เส้นในเมืองนัตเชซ์จะจัดวางอย่างเป็นระเบียบและทุกหลังก็เป็นบ้านในสมัยอดีตขนาดใหญ่ หลายๆ หลังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชมทุกวันด้วย ทั้ง Rosalie Mansion, Stanton Hall, Magnolia และ Longwood ต่างก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้ มีความคล้ายคลึงกับคฤหาสถ์ในภาพยนตร์เรื่อง Gone with the Wind ขับรถออกนอกตัวเมืองไม่กี่นาทีเพื่อไปชมอุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาตินัตเชซ์ ซึ่งเป็นที่ที่คุณจะได้ทัวร์ชม William Johnson House โดยเป็นบ้านของช่างตัดผมผิวสีที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ คุณจะได้รับรู้ถึงชีวิตความเป็นอยู่ของทาสที่เป็นไทในยุคก่อนสงครามกลางเมืองว่าเป็นอย่างไร
นัตเชซ์อยู่ห่างจากแจ็คสันและแบตันรูชประมาณ 140 กิโลเมตร และสามารถเดินทางมาได้อย่างง่ายดายโดยใช้ทางหลวง U.S. หมายเลข 61 ถนนสายดังที่ผู้คนรู้จักกันดีในชื่อ Blues Highway เพราะถนนนี้มีความเกี่ยวข้องกับความเคลื่อนไหวด้านดนตรีของอเมริกาในช่วงกลางทศวรรษ 1900 โดยบ็อบ ดีแลนได้ชื่นชมและยกย่องถึงความงามของถนนสายนี้ไว้ในอัลบัมชื่อ Highway 61 Revisited