อุทยานโบราณคดีมาดาบาจัดแสดงพื้นกระเบื้องโมเสกโบราณที่เคยประดับอาคารสำคัญตั้งแต่ยุคไบแซนไทน์และยุคมุสลิม เนื่องจากถูกซ่อนอยู่ใต้แถวบ้านเรือนเอกชน ซากปรักหักพักส่วนใหญ่จึงยังไม่ถูกขุดค้นจนกระทั่งไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา งานขุดค้นยังคงดำเนินการอยู่ แต่ในปัจจุบัน คุณสามารถเยี่ยมชมสถานที่และชื่นชมขุมทรัพย์นี้ได้
ในขณะที่งานโมเสกชุดแรกถูกค้นพบมาตั้งแต่ ค.ศ. 1887 ที่อยู่ของเอกชนยังคงอยู่ในตระกูลเดียวกันมานานหลายทศวรรษแล้ว และไม่สามารถขุดค้นได้ กรมโบราณวัตถุสถานจึงได้เริ่มที่จะซื้อบ้านเรือนในบริเวณดังกล่าว และค่อยๆ ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนบ้านเรือนทั้งแถวให้เป็นอาคารโบราณคดี แหล่งโบราณคดีที่ขุดค้นเพียงบางส่วนนี้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมใน ค.ศ. 1987 และนอกจากงานโมเสกแล้ว ยังมีเสาไอโอเนียนและคอรินเทียน อีกทั้งแท่นบูชาและเสากรอบประตูยุคไบแซนไทน์อีกด้วย
สมบัติทางโบราณคดีชิ้นแรกที่ค้นพบที่นี่คืองานโมเสกกลางของโบสถ์โบราณ งานชิ้นเอกนี้เชื่อว่ามีอายุย้อนกลับได้ถึง ค.ศ. 767 และมีการออกแบบทางเรขาคณิตที่ตระการตา สังเกตการแสดงภาพการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลจากวงกลมที่มีจุดศูนย์กลางสามวง ซึ่งวางอยู่ภายในสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ที่มีวงกลมสอดประสานกัน
โบสถ์หลังนี้สร้างบนศาลาฮิปโปลิตัส ซึ่งเป็นคฤหาสน์ของมาดาบาสมัยต้นศตวรรษที่ 6 ซึ่งสร้างบนสิ่งปลูกสร้างที่เก่ากว่านั้นอีกที ซึ่งเป็นวิหารโรมันทรงกลม ศาลานี้ได้ชื่อมาจากส่วนกลางของงานโมเสก ซึ่งแสดงภาพเฟดาและฮิปโปลิตัสจากโศกนาฏกรรมของกรีก กวาดสายตาสำรวจรูปส่วนบน ซึ่งแสดงภาพอโดนิส, อะโฟรไดท์ และเอรอสจากเทพปกรณัมที่มีชื่อเสียงยิ่งกว่า หากคุณรู้จักเทพปกรณัมกรีก มาดูว่าคุณจะมองเห็นธิดาของซูสหรือไม่ ซึ่งหมายไตรเทพีที่เป็นตัวแทนของความร่าเริง ความมีเสน่ห์ และความงาม
ในลานโล่งของศูนย์โบราณคดี พักสักครู่เพื่อชื่นชมงานโมเสกที่น่าประทับใจจากเฮสบาน, มาอินกัสตัล และเมาท์นีโบ หนึ่งในนั้นคืองานโมเสกสมัยศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาลจากวังมาเครุสบนเนินเขา ซึ่งเชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในประเทศ วังแห่งนี้สร้างโดยพระเจ้าเฮโรดมหาราช ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเดดซี
ค่าเข้าอุทยานโบราณคดีมาดาบาที่ถนนฮุสเซน บินอาลี (Hussein bin Ali Street) รวมอยู่ในบัตร Jordan Pass แล้ว โดยคุณสามารถจ่ายค่าตั๋วและบริการนำเที่ยวเป็นเงินสดได้เช่นกัน