เดินชมพื้นที่โดยรอบที่เป็นสีดำและดูน่ากลัวของทุ่งลาวาแห่ง Saleaula จากนั้นตามไปดูซากหมู่บ้านที่เคยถูกฝังไว้ใต้ลาวา ลองจินตนาการดูว่าคนที่นี่จะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้เห็นบ้านของตนเองถูกกลืนกินไปด้วยลาวาปาฮอยฮอยต่อหน้าต่อตา แม้ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องราวในอดีตอันน่าเศร้า แต่ทุ่งลาวาก็กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของซามัวไปแล้ว ดึงดูดความสนใจของนักธรณีวิทยาและบรรดาคนชอบการถ่ายรูปเป็นอย่างมาก คุณจะอดทึ่งไม่ได้เมื่อได้เห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของธรรมชาติ
ทุ่งลาวาแห่ง Saleaula เกิดขึ้นเมื่อปี 1905 เมื่อภูเขาไฟ Matavanu ที่อยู่ใกล้ๆ เกิดระเบิดขึ้นมา การระเบิดครั้งที่สองของภูเขาไฟลูกนั้นยิ่งปล่อยลาวาไหลลงสู่ท้องทุ่งนั้นมากกว่าเดิม กินพื้นที่มากกว่า 100 ตารางกิโลเมตร หมู่บ้านจำนวน 5 แห่งถูกฝังด้วยลาวา โชคดีที่ลาวาเคลื่อนตัวค่อนข้างช้าจึงทำให้มีตัวเลขผู้เสียชีวิตไม่มากนัก
เมื่อคุณก้าวเข้าไปยังทุ่งลาวาแห่ง Saleaula แล้ว สิ่งแรกที่คุณจะเห็นก็คือภาพแห่งความสิ้นหวังและว่างเปล่า ถ้ามองเข้าไปใกล้ๆ คุณก็จะสังเกตเห็นทิศทางการวนของหินภูเขาไฟ รวมถึงรอยแยกและรอยแตกที่เกิดขึ้นเมื่อลาวาเริ่มแห้งตัว คล้ายๆ กับการมองคลื่นกระเพื่อมในทะเลสาบ แต่ถ้าดูให้ดีก็จะเห็นว่าต้นไม้ก็เริ่มโตขึ้นบนพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมือนกัน ใบไม้สีเขียวสดนั้นช่างตัดกันอย่างเห็นได้ชัดกับบรรดาหินสีดำที่อยู่ด้วยกัน
และยังมีซากโบสถ์สองแห่งที่ได้รับความเสียหายจากการปกคลุมของลาวาด้วย คุณยังสามารถมองเห็นหน้าต่างทรงโค้งของโบสถ์รวมถึงยอดหลังคาได้อยู่ แต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยหินสีดำทั้งสิ้น และอย่าลืมแวะไปที่ “Virgin’s Grave” หลุมรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากที่เจาะทะลุลาวาลงไป โดยภายในมีหลุมศพอยู่ เดินต่อไปยังบริเวณริมผาเพื่อรับชมวิวอันงดงามของมหาสมุทร ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการเดินข้ามทุ่งลาวา
ทุ่งลาวาแห่ง Saleaula ตั้งอยู่บนชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะซาไวอี ใกล้หมู่บ้าน Maunga มีเรือเฟอร์รีและเที่ยวบินคอยให้บริการจากเกาะอูโปลูมายังเกาะซาไวอีอยู่เป็นประจำ คุณสามารถเช่ารถ นั่งแท็กซี่ หรือใช้บริการรถประจำทางสาธารณะเพื่อมาที่นี่ได้ มีการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเล็กน้อย