โพรวินซ์ทาวน์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้เข้ามาทุกปีเพื่อเดินเอื่อยบนผืนทราย เรียนรู้ความสัมพันธ์อันน่าสนใจทางประวัติศาสตร์ และสังสรรค์ยามราตรีอย่างครื้นเครง ออกไปเฝ้าชมวาฬนอกชายฝั่ง สืบทราบเรื่องราวการมาถึงของกลุ่มพิลกริม และร่วมสัมผัสบรรยากาศอันเปี่ยมชีวิตชีวาของชาว LGBT
บทเรียนประวัติศาสตร์ชั้นประถมมีอยู่ว่าชาวพิลกริมเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลบนเรือเมย์ฟลาวเวอร์ จนมาถึงท่าเรือของเมืองโพรวินซ์ทาวน์ในเดือนพฤศจิกายน 1620 ผู้โดยสารเรือเขียนข้อตกลงเมย์ฟลาวเวอร์ขึ้นเป็นตัวบทกฎหมายของดินแดน โดยหลังจากนั้น เอกสารฉบับนี้ได้กลายมาเป็นแม่แบบหลักของรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา ไม่นานมานี้ โพรวินซ์ทาวน์ได้สั่งสมชื่อเสียงขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาว LGBT
ผู้มาเยือนโพรวินซ์ทาวน์ส่วนใหญ่จะมาลงที่สะพานเรือ MacMillan จากบอสตันที่อยู่ไม่ไกลออกไป เลือกซื้องานศิลปะหรือแวะไปชมพิพิธภัณฑ์ของท่าเรือ และนั่งเรือออกไปชมทัศนียภาพของท้องทะเลและสัตว์น้ำ
โพรวินซ์ทาวน์มีพร้อมทั้งแสงแดด ท้องทะเล และหาดทราย แวะที่หาด Herring Cove ซึ่งมีผืนน้ำอุ่นสบายกับผืนทรายกว้างขวางตามแนวชายฝั่ง จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักเล่นน้ำ ส่องหาวาฬและแมวน้ำนอกชายฝั่ง หรือปั่นจักรยานไปตามเส้นทางเฉพาะเลียบชายหาด Race Point ก็เป็นหาดยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในโพรวินซ์ทาวน์ ที่นี่คุณจะได้นอนอาบแดดและก่อปราสาททราย แต่ไม่ควรลงทะเล เนื่องจากคลื่นใต้น้ำแรงและอาจเป็นอันตราย
อย่าลืมแวะไปชมอนุสาวรีย์พิลกริม หนึ่งในจุดที่สะดุดตาที่สุดในเมืองโพรวินซ์ทาวน์ ด้วยความสูง 77 เมตรจึงอาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างจากหินแกรนิตที่สูงที่สุดในประเทศ ซึ่งก็ตามชื่อ อนุสาวรีย์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่กลุ่มพิลกริมของโพรวินซ์ทาวน์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์อเมริกา
เดินไปบนถนน Commercial Street ที่เป็นแหล่งช็อปปิ้งหลักของโพรวินซ์ทาวน์ พบร้านค้าหลากหลายที่จำหน่ายตั้งแต่เครื่องประดับไปจนถึงงานศิลปะต่างๆ เลือกชมสถานประกอบการอิสระแปลกๆ หลายแห่ง แล้วใช้เวลาลองสำรวจดูสักครู่ โพรวินซ์ทาวน์ยังมีชื่อเสียงด้วยไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรต่อชาว LGBT และมีกิจกรรมมากมายสำหรับชุมชนดังกล่าว
โพรวินซ์ทาวน์มีสนามบินเทศบาลประจำเมือง มีไฟลท์ขาเข้าจากท่าอากาศยานนานาชาติ Boston Logan ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 2 ชั่วโมงทางรถ แวะมาในช่วงฤดูร้อน แล้วคุณจะได้ขึ้นรถบัสประจำฤดูกาลนำส่งนักท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ รอบเมือง