จอร์จเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดใน Garden Route เส้นทางที่สวยงามของเวสเทิร์นเคปที่โดดเด่นด้วยทัศนียภาพภูเขาและแนวชายฝั่งอันน่าตื่นตาตื่นใจ สำรวจเมืองจอร์จ ค้นพบสถานที่ในประวัติศาสตร์และย่านใจกลางเมืองที่มีระดับ ก่อนจะออกเดินทางไกลไปสู่ส่วนอื่นๆ ที่เหลือของภูมิภาค
ไปเยือนแหล่งประวัติศาสตร์ของเมืองจอร์จเพื่อเรียนรู้เรื่องราวในอดีตของเมือง บริษัทดัตช์อีสต์อินเดียได้จัดตั้งเมืองเล็กๆ ของนักตัดไม้ขึ้นมาที่นี่ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 จนกระทั่งได้กลายมาเป็นเมืองจอร์จในปี 1811
เดินไปตาม ถนนยอร์ค และมองหา มหาวิหารเซนต์มาร์ก ที่สร้างขึ้นในปี 1850 และ ห้องสมุดพระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 7 ซึ่งเป็นตัวอย่างอันงดงามของสถาปัตยกรรมสมัยเอ็ดเวิร์ด ต้นไม้ทาส (Slave Tree) ที่อยู่ภายนอกห้องสมุด ถูกปลูกขึ้นเมื่อก่อตั้งเมืองจอร์จและมีชื่อเรียกเช่นนี้เนื่องจากโซ่และตัวล็อกที่อยู่รอบลำต้น
เรียนรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมไม้ซุงซึ่งเป็นรากฐานของเมืองนี้ได้ที่พิพิธภัณฑ์จอร์จ อีกทางเลือกหนึ่งคือ ออกสำรวจ พิพิธภัณฑ์การขนส่ง Outeniqua เพื่อชมเครื่องยนต์ของรถไฟประวัติศาสตร์และรถวินเทจ
พาครอบครัวไปเที่ยว เรดเบอร์รีฟาร์ม สวนสนุกและฟาร์มที่ผู้มาเยือนสามารถเก็บสตรอเบอร์รี่และเดินทางเที่ยวเล่นด้วยรถไฟเล็ก ล่องลอยในสระอยู่ภายในลูกบอลฟองอากาศ หรือพายเรือ และหลงทางอยู่ในรั้วต้นไม้เขาวงกตอันกว้างขวาง
ออกรอบที่สนามกอล์ฟที่ดีที่สุดของประเทศ แฟนคอร์ท และ จอร์จกอล์ฟคลับ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักสำหรับสนามกอล์ฟขนาด 18 หลุมที่สวยงาม
เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองจอร์จที่อยู่ติดกับภูเขา Outeniqua และเตรียมสวมใส่รองเท้าเดินป่าของคุณ เดินเที่ยวไปตามเส้นทางเดินเที่ยวที่อยู่ภายนอกเมือง ยอดเขา Cradock และ ยอดเขาจอร์จ เป็นเส้นทางเดินที่ท้าทายและมีรางวัลตอบแทนเป็นทิวทัศน์งามที่ปลายทาง
ลัดฟ้าสู่สนามบินจอร์จโดยเดินทางจาก โจฮันเนสเบิร์ก, เดอร์บัน หรือ เคปทาวน์ เช่ารถยนต์ที่สนามบินเพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยวในเมืองจอร์จและพื้นที่โดยรอบ
เมืองจอร์จเป็นจุดหมายปลายทางอันน่าพึงใจและน่าตื่นเต้นตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูร้อน เมืองจอร์จมักจะมีชีวิตชีวาและมีอากาศร้อน นอกจากนี้ ตามปกติแล้ว เมืองนี้ยังมักอัดแน่นไปด้วยผู้มาเยือน Garden Route มาเที่ยวในช่วงเดือนที่มีฝนตกน้อยเพื่อจะได้มีโอกาสชมสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรที่อยู่ใกล้เคียง